สงครามไททัน | ตำนานเทพเจ้ากรีก

ไททันมาคี

แหล่งที่มา: Wikipedai

ในตำนานเทพเจ้ากรีก ไททันโอมาคี (/ˌt aɪt ə ˈn ɒm ək i/; กรีกโบราณ: Τιτανομαχία, โรมัน: Titanomakhía, แปลว่า 'การต่อสู้ของไททัน', ละติน: Titanomachia ) เป็นชุดการต่อสู้ที่กินเวลานานสิบปี ที่ต่อสู้กันในเทสซาลี โบราณประกอบไปด้วยไททันส่วนใหญ่ ( เทพเจ้ารุ่นเก่าตามภูเขาโอธรีส ) ที่ต่อสู้กับชาวโอลิมเปียน (รุ่นน้องที่ขึ้นครองราชย์บนภูเขาโอลิมปัส ) และพันธมิตรของพวกเขา เหตุการณ์นี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อสงครามไททันการต่อสู้ของไททันการต่อสู้ของเทพเจ้าหรือเพียงแค่สงครามไททันสงครามนี้ต่อสู้เพื่อตัดสินว่าเทพเจ้ารุ่นใดจะมีอำนาจครอบครองจักรวาล ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของเทพเจ้าโอลิมเปียน

Cornelis Cornelisz van Haarlem การล่มสลายของไททันส์ค.ศ. 1596–1598

ชาวกรีกในยุคคลาสสิกรู้จักบทกวีหลายบทเกี่ยวกับสงครามระหว่างเทพเจ้ากับไททันหลายองค์ บทกวีที่โดดเด่นและมีเพียงบทเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่คือ Theogony ซึ่งเชื่อกันว่าเขียนโดยเฮเซียด ไททันยังมีบทบาทสำคัญในบทกวีที่เชื่อกันว่าเขียนโดย ออร์ฟิอุส แม้ว่าจะมีเพียงเศษเสี้ยวของ เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ออร์ฟิอุส เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ แต่บทกวีเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากประเพณีของเฮเซียด

เนื้อหา

ความขัดแย้งระหว่างเทพเจ้าองค์แรก

แก้ไข

Rhea มอบหินให้กับ Cronus ภาพเขียนสมัยศตวรรษที่ 19 โดยKarl Friedrich Schinkel

เวทีสำหรับ Titanomachy จัดขึ้นหลังจากไททันที่อายุน้อยที่สุดอย่างโครนัสได้โค่นล้มบิดาของเขาเองยูเรนัส (Ουρανός ท้องฟ้าและผู้ปกครองจักรวาล) ด้วยความช่วยเหลือจากมารดาของเขาไกอา (Γαία โลก)

ยูเรนัสได้ทำให้ไกอาเป็นศัตรูกับเขาเมื่อเขาขังลูกๆ ของเธอหกคนไว้ภายในครรภ์ของเธอ — เฮคาโทนไคร์ สามตัว (ยักษ์ที่มีหัว 50 หัวและแขน 100 ข้าง) และไซคลอปส์ สามตัว (ยักษ์เช่นกัน โดยแต่ละตัวมีตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก) — ไกอาได้สร้างเคียว ขนาดใหญ่ ที่ตีขึ้นจากอะดาแมนไทน์ และซ่อนมันไว้ในรอยแยกบนภูเขาโอธรีสจากนั้นไกอาก็พยายามโน้มน้าวลูกๆ ของเธออีก 12 คนจากยูเรนัส ซึ่งรู้จักกันในชื่อไททัน ให้ตอนยูเรนัส มีเพียงโครนัสเท่านั้นที่เต็มใจทำ ดังนั้นไกอาจึงมอบเคียวอะดาแมนไทน์ให้เขาและวางไว้ในรอยแยกเดียวกันกับที่เคยมีเคียวของเขาอยู่

เมื่อยูเรนัสพบกับไกอาบนภูเขาโอธริส โครนัสก็ซุ่มโจมตียูเรนัสและใช้เคียวเพชรตัดอวัยวะเพศของเขาออกแล้วโยนข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหลังจากนั้น โครนัสก็ปลดปล่อยเฮคาโทนไคเรสและไซคลอปส์ที่ถูกจองจำ โดยผ่ามดลูกของไกอาและจองจำพวกเขาไว้ในทาร์ทารัสทันที โครนัสยังจองจำยูเรนัสไว้ใต้ทาร์ทารัสอย่างรวดเร็วด้วย การทำเช่นนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้ปกครองไททัน แต่ยูเรนัสสาปแช่งโครนัสเพื่อให้ลูกๆ ของโครนัสเองก่อกบฏต่อการปกครองของเขา เช่นเดียวกับที่โครนัสก่อกบฏต่อพ่อของเขาเอง เลือดของยูเรนัสที่หกลงบนพื้นโลกทำให้เกิดยักษ์ ยักษ์เอรินเยสและยักษ์เมเลีย จากการผสมเลือดและน้ำอสุจิจากอวัยวะเพศที่ถูกทำลายอโฟรไดท์จึงลุกขึ้นมาจากทะเลที่พวกเขาขึ้นบกในไซปรัส

...ทันทีที่เขาตัดอวัยวะเหล่านั้นด้วยหินเหล็กไฟและโยนมันออกจากแผ่นดินลงในทะเลที่คลื่นซัด พวกมันก็ถูกพัดพาไปตามแม่น้ำสายใหญ่เป็นเวลานาน และมีฟองขาวกระจายอยู่รอบๆ พวกมันจากเนื้อหนังอมตะ และมีหญิงสาวคนหนึ่งงอกขึ้นมาในนั้น..." 

ครอนัสได้รับตำแหน่งผู้ปกครองแผ่นดิน ท้องฟ้า และท้องทะเลจากบิดาของเขา จากนั้นเขาก็ได้ยึดอำนาจด้วยการบังคับให้พี่น้องของเขาต้องยอมจำนนต่อเจตนารมณ์ของเขา

ครอนัสซึ่งหวาดระแวงต่อคำสาปของยูเรนัสและกลัวการสิ้นสุดของการปกครองของเขา บัดนี้ได้กลายเป็นจอมเผด็จการที่ยูเรนัสบิดาของเขาเคยเป็นมาก่อน โดยกลืนลูกๆ ของเขาลงไปทั้งตัวซึ่งเกิดจากรีอา น้องสาวภรรยาของเขารีอาซึ่งเริ่มรู้สึกไม่พอใจครอนัส พยายามซ่อนซุส ลูกชายที่เพิ่งเกิดคนเล็กที่สุดของเธอ โดยหลอกให้ครอนัสกลืนหินแมกนีไทต์ที่ไกอา มารดาของเธอให้มา แล้วห่อด้วยผ้าห่มแทน รีอาพาซุสไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งในครีตซึ่งเขาได้รับการเลี้ยงดูโดยอามัลธีอาและเมเลีย

เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ ซูสก็ปลอมตัวเป็นคนรินเหล้าให้โครนัส เมื่อเขากลายเป็นคนรับใช้ของโครนัสแล้วโอเชียนิด เมทิสก็มอบมัสตาร์ดผสมไวน์ให้ซูส ซึ่งทำให้โครนัสอาเจียนลูกๆ ที่กลืนเข้าไปซึ่งตอนนี้โตแล้วออกมา หลังจากปลดปล่อยพี่น้องของเขา รวมถึงเฮคาโทนไคร์และไซคลอปส์แล้ว ซูสก็นำพวกเขาไปก่อกบฏต่อต้านไททัน

ซูสและพี่น้องของเขาเข้ายึดครองการสร้างสรรค์

แก้ไข

Joachim Wtewael การต่อสู้ระหว่างเทพเจ้าและไททันสีน้ำมันบนทองแดง 1600

ต่อมาซูสได้เปิดศึกกับพ่อของเขาโดยมีพี่น้องที่หลุดออกมาเป็นพันธมิตร ได้แก่เฮสเทีย ดีมี เตอร์ เฮร่าฮาเดสและโพไซดอนซูสปลดปล่อยเฮคาโทนไคร์สและไซคลอปส์จากพื้นโลก (ซึ่งพวกเขาถูกโครนัสขังไว้) และพวกเขาก็เป็นพันธมิตรกับเขาด้วย เฮคาโทนไคร์สขว้างก้อนหิน ไซคลอปส์สร้างสายฟ้าและสายฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของซูส สร้างตรีศูลให้โพไซดอน และหมวกแห่งความมืดให้กับฮาเดส ฝ่ายพันธมิตรของโครนัสซึ่งเป็นพันธมิตรกับโครนัสก็ต่อสู้กับไททันอื่นๆ ยกเว้นธีมิสและโพรมีธีอัส ลูกชายของเธอ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซูส ( หมายเหตุสำหรับเฮเซียดไคลมีนเป็นมารดาของโพรมีธีอัส) แอตลาสเป็นรองผู้บัญชาการรองจากโครนัส สงครามกินเวลานานสิบปี แต่ในที่สุด ซูสและชาวโอลิมเปียนคนอื่นๆ ก็ได้รับชัยชนะซูสสั่งให้จับไททันที่สำคัญไปขังไว้ในทาร์ทารัสเช่นเดียวกับที่โครนัสทำกับพ่อของเขา และให้เฮคาโทนไคร์เป็นองครักษ์ แอตลาสได้รับโทษพิเศษด้วยการค้ำยันท้องฟ้า ในบางเรื่องเล่า เมื่อซูสมั่นใจในพลังของเขาแล้ว เขาก็ใจอ่อนและมอบอิสรภาพให้กับไททัน

ไฮจินัสเล่าถึงเหตุการณ์ไททันนามาคีแตกต่างกันออกไป: "หลังจากที่เฮร่าเห็นว่าเอพาฟัสซึ่งเกิดจากนางสนมปกครองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ (อียิปต์) เธอก็จัดการฆ่าเขาในขณะที่ล่าสัตว์ และสนับสนุนให้ไททันขับไล่ซูสออกจากอาณาจักรและคืนอาณาจักรให้กับโครนัส ( ดาวเสาร์ ) เมื่อพวกเขาพยายามจะขึ้นสวรรค์ซูส ก็โยนพวกเขาลงไปในทาร์ทารัส พร้อมกับความช่วยเหลือของเอเธน่าอพอลโลและอาร์เทมิสเขาจึงวางเพดานท้องฟ้าไว้บนไหล่ของแอตลาสซึ่งเป็นผู้นำของพวกเขา และถึงตอนนี้ก็ยังเชื่อกันว่าเขากำลังค้ำท้องฟ้าไว้บนไหล่ของเขา"

อีเลียดบรรยายว่าหลังจากที่พวกเขาได้รับชัยชนะ พี่น้องทั้งสามก็แบ่งโลกกันเอง ซูสได้รับอำนาจปกครองท้องฟ้าและอากาศ และได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ปกครอง (ซึ่งรู้จักกันในนามบิดาแห่งท้องฟ้า) โพไซดอนได้รับอำนาจปกครองทะเลและน้ำทั้งหมด ในขณะที่ฮาเดสได้รับอำนาจปกครองโลกใต้พิภพ ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความตาย เทพเจ้าองค์อื่นๆ ได้รับหน้าที่ตามธรรมชาติและความชอบของแต่ละคน โลกถูกปล่อยให้ทุกคนทำตามใจชอบ แม้กระทั่งขัดแย้งกันเอง เว้นแต่พี่น้องทั้งสาม (ซูส โพไซดอน และฮาเดส) จะถูกเรียกตัวให้เข้ามาแทรกแซง

Titanomachy บทกวีที่สูญหาย

แก้ไข

ไททันที่เป็นไปได้: ซุสไร้เคราถูกวาดภาพว่ากำลังยิงสายฟ้าใส่ร่างที่คุกเข่า (ไททัน?) ที่หน้าจั่วกอร์กอนจากวิหารอาร์เทมิสในคอร์ฟูซึ่งจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีคอร์ฟู

บทความหลัก: ไททาโนมาคี (บทกวีมหากาพย์)

เรื่องราวเกี่ยวกับ Titanomachy ที่แตกต่างกันเล็กน้อยปรากฏในบทกวีที่สูญหายไปแล้ว บทกวีนี้ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปว่าเป็นของ Eumelus แห่งเมืองโครินธ์ กวีเก่าแก่ของตระกูลผู้ปกครอง Bacchiadae ในเมืองโครินธ์โบราณ ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะนักประพันธ์เพลง Prosodion ซึ่งเป็นเพลงประจำขบวนแห่เพื่อประกาศอิสรภาพของเมสเซเนียที่ขับร้องบนเกาะเดโลส

แม้แต่ในสมัยโบราณ ผู้เขียนหลายคนก็อ้างถึง Titanomachia โดยไม่ระบุชื่อผู้เขียน ชื่อของ Eumelus ถูกแนบไปกับบทกวีเป็นชื่อเดียวที่หาได้จากหลักฐานที่ขาดหายมาก ดูเหมือนว่าบันทึกของ "Eumelus" เกี่ยวกับ Titanomachy จะแตกต่างจากบันทึกที่หลงเหลืออยู่ของ Theogony ของ Hesiod ในจุดสำคัญๆ บันทึกนี้เขียนขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาลเป็นช่วงแรกสุด

หนังสือ Titanomachy แบ่งออกเป็นสองเล่ม การต่อสู้ระหว่างโอลิมเปียนและไททันมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเทววิทยาหรือลำดับวงศ์ตระกูลของเทพเจ้าดั้งเดิม ซึ่ง จอห์น แห่งลิเดีย นักเขียนชาวไบแซนไทน์ได้กล่าวไว้ว่า ผู้เขียนหนังสือ Titanomachy ระบุว่าซูสเกิดที่ลีเดีย ไม่ใช่ที่เกาะครีต ซึ่งน่าจะหมายถึงบนภูเขาซิไพลัส