ยูเรนัส | ตำนานเทพเจ้ากรีก

ยูเรนัส (ตำนาน)

แหล่งที่มา: Wikipedai

ตำนานเทพเจ้ากรีก ยูเรนัส ( / ˈ j ʊər ə n ə s / YOOR -ə -nəs หรือ/ j ʊ ˈ r eɪ n ə s / yoo- RAY -nəs ) บางครั้งเขียนว่า Ouranos ( กรีกโบราณ : Οὐρανός , แปลว่า  ' ท้องฟ้า ', [uːranós] ) เป็นบุคคลแทนท้องฟ้าและเป็นหนึ่งในเทพเจ้าดั้งเดิมของกรีกตามคำบอกเล่าของเฮเซียด ยูเรนัสเป็นบุตรชายและสามีของไกอา (โลก) ซึ่งเขาเป็นบิดาของไททันรุ่นแรก อย่างไรก็ตามลัทธิที่เกี่ยวข้องกับยูเรนัสโดยตรงยังคงหลงเหลือมาจนถึงยุคคลาสสิก

ลำดับวงศ์ตระกูล

แก้ไข

ใน Theogony ของเฮเซียด ซึ่งได้รับการยอมรับจากชาวกรีก

ว่าเป็นบันทึก "มาตรฐาน" จาก Gaia (โลก) ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นหลังจาก Chaos (ความว่างเปล่า) จากนั้น Uranus, Ourea (ภูเขา) และ Pontus (ทะเล) ก็เกิดขึ้นตามมา

จากนั้น ตามทฤษฎีเทววิทยา ยูเรนัสได้ผสมพันธุ์กับไกอา และเธอได้ให้กำเนิดไททันทั้ง 12 ตน ได้แก่ โอเชียนัส โคเอียส คริอุส ไฮเปอเรียน ไอเพทัส เธีย เรีย ธีมิส มเนโมซินี ฟีบี เทธิส และ โครนัส จากนั้นคือ เหล่าไซคลอปส์ ได้แก่ บรอนเทส สเตอโรปส์ และ อาร์เจส และเหล่าเฮคาตันเชอเรส ("ผู้ร้อยมือ") ได้แก่ คอตตัส ไบรอาเรียส และ ไจเจส

ตามที่เฮเซียดเล่าขานไว้ว่า ไกอา "เป็นคนแรกที่แบกรับสวรรค์ที่เต็มไปด้วยดวงดาว [ยูเรนัส] เท่ากับตัวเธอเอง เพื่อปกคลุมเธอทุกด้าน และเป็นสถานที่สถิตย์ที่มั่นคงตลอดไปสำหรับเหล่าเทพผู้ได้รับพร" จากนั้น ไกอาก็ได้ให้กำเนิดบุตร 18 คน ได้แก่ ไททัน 12 ตน ไซคลอปส์ 3 ตน และ เฮคาโทนเชเร (ฮันเดรดแฮนด์เดอร์ 3 ตน) แต่ด้วยความเกลียดชังพวกเขา เขาจึงซ่อนพวกเขาไว้ที่ไหนสักแห่งในตัวไกอา ไกอาโกรธและทุกข์ใจ จึงประดิษฐ์เคียวที่ทำด้วยเพชรและยุยงให้ลูกๆ ของเธอลงโทษพ่อของพวกเขา มีเพียงโครนัส ลูกชายของเธอ ซึ่งเป็นไททันที่อายุน้อยที่สุดเท่านั้นที่เต็มใจทำเช่นนั้น ดังนั้น Gaia จึงซ่อน Cronus ไว้ใน "ที่ซุ่มโจมตี" โดยมอบเคียวเพชรให้กับเขา และเมื่อ Uranus เข้ามานอนกับ Gaia Cronus ก็เอื้อมมือออกไปและตอนพ่อของเขา โดยโยนอัณฑะที่ถูกตัดทิ้งลงไปในทะเล การตอนของ Uranus ทำให้ไททันได้ปกครองและ Cronus สามารถรับอำนาจสูงสุดในจักรวาลได้

Etymology

ตำนาน

แก้ไข

การตอนและการโค่นล้ม

สำหรับ "การกระทำที่น่าสะพรึงกลัว" นี้ ยูเรนัสเรียกลูกชายของเขาว่า "ไททัน (ผู้กลั่น) เพื่อตำหนิ" และกล่าวว่า "การแก้แค้นสำหรับสิ่งนี้จะตามมาภายหลัง" ตามคำบอกเล่าของเฮเซียด จากเลือดที่หลั่งจากยูเรนัสสู่โลกยักษ์เอรินเยส (ผู้ล้างแค้น) และ เมเลีย (นางไม้ต้นแอช) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น จากอวัยวะเพศในทะเล อะโฟรไดต์ก็ถือกำเนิดขึ้น ตามคำบอกเล่าบางฉบับชาวฟีเซียน ในตำนานซึ่งโอดีสซีอุสได้มาเยือนในโอดีสซีก็กล่าวกันว่า: เธอเกิดมาจากเลือดที่ยูเรนัสถูกตอนทำหมัน 

หลังจากตอนของเขา ยูเรนัสก็ถอยไปอยู่เบื้องหลัง นอกจากเขาและไกอา (ตอนนี้คืนดีกันแล้ว?) เตือน โครนัส ลูกชายของพวกเขาว่า เขาถูกกำหนดให้ถูกโค่นล้มโดยลูกคนหนึ่งของเขา เขาแนะนำให้ รีอา ลูกสาวของพวกเขาซึ่งเป็นภรรยาของโครนัสไปที่ Lyctus บนเกาะครีตเพื่อให้กำเนิดซุส เพื่อที่ซุสจะรอดจากโครนัส และแนะนำให้ซุสกลืน เมทิส ภรรยาคนแรกของเขา เพื่อที่ซุสจะไม่ถูกโค่นล้มโดยลูกชายของเขา หลังจากนั้นยูเรนัสก็ไม่มีบทบาทอีกต่อไปในตำนานเทพเจ้ากรีก อย่างไรก็ตาม เขาถูกระบุตัวตนบน Gigantomachy สลักบนแท่นบูชา Pergamon ว่าเป็นผู้มีเคราและมีปีก ต่อสู้กับยักษ์ด้วยดาบ ไม่ไกลจากลูกสาวของเขา Themis ซึ่งถูกเห็นว่ากำลังโจมตียักษ์อีกตัวหนึ่ง 

มีแหล่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเคียวของโครนัสและการตอนของยูเรนัส สองแห่งนั้นอยู่บนเกาะซิซิลีตามคำบอกเล่าของกวีชาวอเล็กซานเดรียคัลลิมาคัส (ราว 270 ปีก่อนคริสตกาล) เคียวของโครนัสถูกฝังไว้ที่ซานเคิลในซิซิลี โดยกล่าวว่าเคียวนั้น "ซ่อนอยู่ในโพรงใต้ดิน" ที่นั่น แหล่งโบราณคดีอีกแห่งในซิซิลีคือเดรปานุม (ปัจจุบันคือทราปานี ) ซึ่งชื่อนี้มาจากคำภาษากรีกที่แปลว่า "เคียว" กวีชาวอเล็กซานเดรียอีกคนหนึ่งคือไลโคฟรอน (ราว 270 ปีก่อนคริสตกาล) กล่าวถึง "การกระโดดข้ามเคียวของโครนัส" ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการอ้างถึง "การกระโดด" ของเคียวที่ถูกโยนลงไปในทะเลที่เดรปานุม 

อย่างไรก็ตาม ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเคียวอีกด้วย นักภูมิศาสตร์ Pausanias รายงานว่ามีการกล่าวกันว่าเคียวถูกโยนลงไปในทะเลจากแหลมใกล้ Bolina ไม่ไกลจาก Argyra บนชายฝั่ง Achaea และกล่าวว่า "ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเรียกแหลม Drepanum" นักประวัติศาสตร์ Timaeus พบเคียวที่ Corcyra ซึ่งชาวเกาะอ้างว่าเป็น Phaeacia ซึ่งเป็นบ้านบนเกาะของชาว Phaeacians ซึ่ง (ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น) กล่าวกันว่าเกิดจากเลือดที่เกิดจากการตอนของ Uranus

Uranus
Personification of the Sky and The Heavens
Member of Primordial Gods
Uranus depicted on the Gigantomachy frieze, Pergamon Altar, Pergamon Museum
Abode	Sky
Planet	Uranus
Genealogy
Parents	Gaia (Hesiod)
Siblings	Pontus and the Ourea (Hesiod)
Consort	Gaia
Children	The Titans, the Cyclopes, the Hecatoncheires, the Erinyes (Furies), the Giants, the Meliae, and Aphrodite[1]
Equivalents
Roman	Caelus

Contents

ลูกหลานของไกอา (โลก) และยูเรนัส (ท้องฟ้า) ตามทฤษฎีของเฮเซียด ไกอา ดาวยูเรนัส โอเชียนัส คริอุส ไอเอเพทัส เรีย มเนโมซินี เทธิส โคอัส ไฮเปอเรียน เธีย ธีมิส ฟีบี้ ครอนัส ไททันส์ บรอนเต้ สเตียรอยด์ อาร์เจส ไซคลอปส์ คอตตัส ไบรอาเรียส ไจเจส เฮคาตันเชเรส

นอกจากนี้ ตามTheogonyเมื่อโครนัสตอนยูเรนัส จากเลือดของยูเรนัสที่กระเซ็นลงสู่พื้นโลก ก็เกิดเอรินเยส (ฟิวรีส์) ยักษ์และเมเลียนอกจากนี้ ตาม Theogony โครนัสโยนอวัยวะเพศที่ถูกตัดขาดลงไปในทะเล ซึ่ง "มีฟองสีขาวกระจายอยู่รอบๆ" และ "เติบโต" กลายเป็นเทพีอ โฟรไดท์ แม้ว่าตามโฮเมอร์ อโฟรไดท์เป็นลูกสาวของซูส และไดโอนี

ลูกหลานของไกอาและเลือดของยูเรนัส และอวัยวะเพศของยูเรนัส ตามบันทึกของเฮเซียด
ไกอา เลือดของยูเรนัส อวัยวะเพศของยูเรนัส เอรินเยส ยักษ์ใหญ่ เมเลีย อโฟรไดท์

บัญชีอื่นๆ

แก้ไข

แหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้ข้อมูลลำดับวงศ์ตระกูลอื่นๆ ในบทกวี Titanomachy ที่สูญหาย ไป ดูเหมือนว่า Uranus จะเป็นบุตรของ Aether ในขณะที่ตามคำบอกเล่าของคนอื่น Uranus เป็นบุตรของ "Acmon"ตามตำรา Orphic Uranus (พร้อมกับ Gaia) เป็นลูกหลานของ Nyx ( กลางคืน ) และ Phanes

กวีซัปโฟ (ประมาณ 630 - ประมาณ 570 ปีก่อนคริสตกาล) กล่าวกันว่าได้แต่งตั้งยูเรนัสให้เป็นบิดาของเอรอสโดยอ้างอิงจากไกอาตามแหล่งข้อมูลหนึ่ง หรืออ้างอิงจากอะโฟรไดต์ตามแหล่งข้อมูลอื่น

นักประวัติศาสตร์ตำนานเทพอพอลโลโดรัสได้ให้ลำดับวงศ์ตระกูลที่แตกต่างจากของเฮเซียดเล็กน้อย โดยไม่ได้กล่าวถึงบรรพบุรุษคนใดเลย เขาเริ่มต้นบันทึกของเขาด้วยการกล่าวเพียงว่ายูเรนัส "เป็นคนแรกที่ปกครองทั้งโลก" ตามคำบอกเล่าของอพอลโลโดรัส ไททัน (แทนที่จะเป็นลูกคนแรกของยูเรนัสเหมือนในเฮเซียด) เกิดหลังจากสามร้อยแฮนด์เดอร์และไซคลอปส์สามตัว และมีไททันดั้งเดิมสิบสามตัว ซึ่งเพิ่มไททาไนด์ไดโอนีเข้าไปในรายชื่อของเฮเซียด

ข้อความในส่วนหนึ่งของอีเลียดที่เรียกว่าการหลอกลวงของซูสแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่โฮเมอร์ทราบประเพณีที่โอเชียนัสและเทธิส (แทนที่จะเป็นยูเรนัสและไกอา เหมือนในเฮเซียด) เป็นพ่อแม่ของไททัน เพลโตได้จัดทำลำดับวงศ์ตระกูล (น่าจะเป็นออร์ฟิก) ในงาน Timaeus ของเขาซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามในการประสานความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างโฮเมอร์และเฮเซียด โดยยูเรนัสและไกอาเป็นพ่อแม่ของโอเชียนัสและเทธิส และโอเชียนัสและเทธิสเป็นพ่อแม่ของโครนัส รีอา และไททันอื่นๆ

ในตำนานโรมัน คู่หูของยูเรนัสคือคาเอลัส (ท้องฟ้า) ซิเซโรกล่าวว่าคาเอลัสเป็นลูกหลานของอีเธอร์และไดส์ (กลางวัน) และคาเอลัสและไดส์เป็นพ่อแม่ของเมอร์คิวรี (เฮอร์มีส) ไฮจินัสกล่าวว่านอกเหนือจากคาเอลัสแล้ว อีเธอร์และไดส์ยังเป็นพ่อแม่ของเทอร์รา (โลก) และม้า (ทะเล) อีกด้วย

ท้องฟ้า ( ouranos )

แก้ไข

ส่วนนี้ต้องมีการอ้างอิงเพิ่มเติมเพื่อการตรวจสอบ ( พฤศจิกายน2559 )

หลังจากทำการตอนแล้ว ท้องฟ้าก็ไม่ปกคลุมโลกในตอนกลางคืนอีกต่อไป แต่ยังคงรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ และตามที่คาร์ล เคอเรนยี กล่าวไว้ว่า "การกำเนิดดั้งเดิมก็สิ้นสุดลง" ยูเรนัสแทบไม่ถูกมองว่าเป็นมนุษย์ นอกจากอวัยวะเพศในตำนานการตอน เขาเป็นเพียงท้องฟ้า ซึ่งคนโบราณคิดว่าเป็นโดมหรือหลังคาที่ทำด้วยบรอนซ์สูงตระหง่าน ยึดไว้ (หรือหมุนบนแกน) โดยไททันแอตลาสในสำนวนที่แต่งขึ้นในบทกวีของโฮเมอร์ยูเรนัสบางครั้งเป็นทางเลือกแทนโอลิมปัสในฐานะบ้านรวมของเหล่าทวยเทพ เหตุการณ์ที่ชัดเจนคือช่วงเวลาในอีเลียด 1.495 เมื่อเทพีธีทิสโผล่ขึ้นมาจากทะเลเพื่อวิงวอนซูสว่า "และในตอนเช้าตรู่ เธอตื่นขึ้นเพื่อทักทายยูเรนัสและโอลิมปัส และเธอพบลูกชายของโครนอส ..."

วิลเลียม เซลล์กล่าวว่า "... ' โอลิมปัส ' มักถูกใช้เป็น [บ้านของเหล่าเทพโอลิมปัส] เกือบทุกครั้ง แต่อูรานอสมักหมายถึงท้องฟ้าธรรมชาติเหนือเราโดยไม่มีข้อแนะนำใดๆ ว่าเหล่าเทพอาศัยอยู่ที่นั่นโดยรวม" เซลล์สรุปว่าที่นั่งก่อนหน้านี้ของเหล่าเทพคือภูเขาโอลิมปัสซึ่งประเพณีมหากาพย์ในสมัยของโฮเมอร์ได้ส่งพวกเขาขึ้นสู่ท้องฟ้าอูรานอสเมื่อถึงศตวรรษที่ 6 เมื่อ "อโฟรไดต์แห่งสวรรค์" (Aphrodite Urania) ถูกแยกออกจาก "อโฟรไดต์ทั่วไปของประชาชน" อูรานอสหมายถึงทรงกลมบนท้องฟ้าอย่างแท้จริง

ตำนานเปรียบเทียบ

แก้ไข

ตำนานเฮอร์เรียน

แก้ไข

ตำนานการสร้างโลกของกรีกมีความคล้ายคลึงกับ ตำนานการสร้างโลก ของชาวฮูร์เรียน ในศาสนาฮูร์เรียนเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าคือ อนุ ลูกชายของเขา คือ กุมารบิส กัดอวัยวะเพศของเขาและคายเทพเจ้าสามองค์ออกมา หนึ่งในนั้นคือ เทชุบ ซึ่งต่อมาได้ปลดกุมารบิสออกจากตำแหน่ง 

วารุณ

แก้ไข

เป็นไปได้ว่ายูเรนัสเป็นเทพเจ้าอินโด-ยูโรเปียน โดยกำเนิด ซึ่งจะถูกระบุด้วย วารุณ แห่งพระเวท ผู้รักษาความสงบเรียบร้อยสูงสุดซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งมหาสมุทรและแม่น้ำ ดังที่จอ ร์เจส ดูเมซิลแนะนำ ตามคำแนะนำใน The Elementary Forms of Religious Life (1912) ของเอมีล เดิร์กไฮม์ ทฤษฎีอีกประการหนึ่งของดูเมซิลคือ อะหุระ มาสดา เทพเจ้าสูงสุดของอิหร่าน เป็นพัฒนาการของ *vouruna-*mitra ของอินเดีย-อิหร่าน ดังนั้น เทพเจ้าองค์นี้จึงมีคุณสมบัติของ มิตระ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งฝนที่ตกลงมาด้วย 

ดาวยูเรนัสเชื่อมโยงกับท้องฟ้ายามค่ำคืน และวารุณเป็นเทพแห่งท้องฟ้าและมหาสมุทร ซึ่งเชื่อมโยงกับทางช้างเผือก

Georges Dumézil ได้พยายามหาหลักฐานที่แสดงถึงตัวตนของ Uranus และ Vedic Váruṇa ในระดับวัฒนธรรมอินโด-ยูโรเปียน ยุคแรกๆ การระบุตัวตนขององค์ประกอบในตำนานที่บุคคลทั้งสองมีร่วมกันโดย Dumézil โดยอาศัยการตีความทางภาษาเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดร่วมกัน ได้รับการหยิบยกขึ้นมาโดย Robert Graves และคนอื่นๆ การระบุตัวตนของชื่อ Ouranos กับ Hindu Váruṇa โดยอาศัยรากศัพท์ภาษาอินโด-ยูโรเปียน ดั้งเดิม *-ŭerที่มีความหมายของ "การผูกมัด" เทพเจ้า Váruṇa กษัตริย์โบราณผูกมัดผู้ชั่วร้าย เทพเจ้า Uranus กษัตริย์โบราณผูกมัด Cyclops ที่ทรมานเขา นิรุกติศาสตร์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดมาจากภาษากรีกดั้งเดิม *(W)orsanόj (worsanos) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษาอินโด-ยูโรเปียนดั้งเดิม*ers ซึ่งแปลว่า "ทำให้ชื้น หยดน้ำ" (หมายถึงฝน)

บริบททางวัฒนธรรมของหินเหล็กไฟ

แก้ไข

ส่วนนี้ไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มาใด ๆ ( พฤศจิกายน2559 )

รายละเอียดที่ระบุว่าเคียวเป็นหินเหล็กไฟแทนที่จะเป็นทองแดงหรือเหล็กนั้นถูกเก็บรักษาไว้โดยนักปราชญ์ในตำนานกรีก (แต่ถูกละเลยโดยนักปราชญ์ในตำนานโรมัน) หินเหล็กไฟที่ถูกตัดเป็นคมจะถูกฝังไว้ในเคียวที่ทำด้วยไม้หรือกระดูกในช่วงปลายยุคหินใหม่ ก่อนยุคสำริด จะเริ่มต้น ขึ้น เคียวดังกล่าวอาจรอดมาได้ในช่วงหลังสุดในบริบทของพิธีกรรมที่โลหะถือเป็นสิ่งต้องห้าม แต่รายละเอียดซึ่งถูกเก็บรักษาไว้โดยชาวกรีกคลาสสิกนั้น แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของธีมของตำนาน

ยูเรนัส

แก้ไข

บทความหลัก: ยูเรนัส

ดูเพิ่มเติม: ดาวเคราะห์ในโหราศาสตร์ § ดาวยูเรนัส

ส่วนนี้ ต้องมีการอ้างอิง เพิ่มเติมเพื่อการยืนยัน( กันยายน 2021 )

ชาวกรีกและชาวโรมันโบราณรู้จัก "ดาวเร่ร่อน" เพียงห้าดวง (กรีกโบราณ : πλανῆται [planɛːtai̯] ) ได้แก่ดาวพุธ  ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์ หลังจากการค้นพบดาวเคราะห์ดวงที่หกในปี 1781 โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ ก็เกิดการโต้เถียงกันอย่างยาวนานเกี่ยวกับชื่อของมัน ผู้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้วิลเลียม เฮอร์เชลตั้งชื่อมันว่า Georgium Sidus (ดาวจอร์เจียน) ตามชื่อกษัตริย์จอร์จที่ 3 ของเขา นี่เป็นชื่อที่นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษชอบ แต่คนอื่นๆ เช่น ชาวฝรั่งเศสชอบ "เฮอร์เชล" มากกว่า ในที่สุด ชื่อ Uranus ก็ได้รับการยอมรับในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ตามที่นักดาราศาสตร์ Johann Bode แนะนำ ว่าเป็นการเพิ่มตรรกะให้กับชื่อดาวเคราะห์ที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากดาวอังคาร (Ares ในภาษากรีก) ดาวศุกร์ (Aphrodite ในภาษากรีก) และดาวพุธ (Hermes ในภาษากรีก) เป็นบุตรของดาวพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดี (Zeus ในภาษากรีก) เป็นบุตรของดาวเสาร์ และดาวเสาร์ (Cronus ในภาษากรีก) เป็นบุตรของดาวยูเรนัส สิ่งที่ผิดปกติคือ ในขณะที่ดาวดวงอื่นใช้ชื่อโรมัน ดาวยูเรนัส เป็นชื่อที่ได้มาจากภาษากรีก ตรงกันข้ามกับชื่อ Caelus ในภาษาโรมัน