ไททันส์ | ตำนานเทพเจ้ากรีก

ไททันส์

แหล่งที่มา: Wikipedai

[ภาพทั้งหมดส่วนใหญ่ในนี้ถูกสร้างด้วย AI: chatGPT]

บทความนี้เกี่ยวกับไททันในเทพนิยายกรีก สำหรับความหมายอื่น โปรดดูไททัน

ใน ตำนานเทพเจ้ากรีก ไททัน (กรีกโบราณ : Τιτᾶνες , Tītânes , เอกพจน์ : Τιτάν , Titán ) เป็นเทพเจ้า ก่อนชาวโอลิมเปียน ตามทฤษฎีเทววิทยาของเฮเซียดพวกเขาเป็นบุตรทั้งสิบสองคนของพ่อแม่ดั้งเดิมคือ ยูเรนัส (ท้องฟ้า) และ ไกอา (โลก) โดยมีไททันชายหกคน คือ: โอเชียนัส โคเอียส คริอุส ไฮเปอเรียน ไอเอเพทัส และ โครนัส และไททันหญิงหกคน เรียกว่าไททาไนด์ ( Τιτανίδες , Titanídes ) หรือไททันเนสได้แก่: เธีย เรีย ธีมิส มเนโมซีน ฟีบี และ ทีทิส

หลังจากที่โครนัสผสมพันธุ์กับรีอาพี่สาวของเขา เธอก็ให้กำเนิดบุตรคนแรกของชาวโอลิมปัส เป็นชายสามคนได้แก่ ซูส ฮาเดส โพไซดอน และหญิงสามคนได้แก่ เฮสเทีย ดีมีเทอร์ เฮร่า ** รวมถึงลูกหลานของไททันบางคน เช่น โพรมีธีอุส แอตลาส เฮลิออส และ ลีโต บางครั้งก็ถูกเรียกว่าไททันด้วย **

ไททันเป็นเทพเจ้าในอดีต: เทพเจ้ารุ่นก่อนชาวโอลิมเปียน ซึ่งพวกเขาถูกโค่นล้มลงตามตำนานการสืบราชสมบัติของกรีก ซึ่งเล่าว่า: โครนัสยึดอำนาจจากยูเรนัส บิดาของเขา และปกครองจักรวาลร่วมกับไททันด้วยกัน ก่อนที่จะพ่ายแพ้และถูกแทนที่ในฐานะเทพเจ้าผู้ปกครองโดยซูสและชาวโอลิมเปียนในสงครามสิบปีที่เรียกว่า "ไททันโนมาคี" (กรีกโบราณ : Τιτανομαχία , โรมัน :  Titanomakhía , แปลว่า  'การต่อสู้ของไททัน') ผลจากสงครามนี้ ไททันที่พ่ายแพ้ถูกเนรเทศออกจากโลกเบื้องบนและถูกคุมขังภายใต้การคุ้มกันในทาร์ทารัสไททัน ซึ่งบางส่วนได้รับอนุญาตให้เป็นอิสระ

ลำดับวงศ์ตระกูลของเฮเซียด

แก้ไข

ตามบันทึกของเฮเซียด: ลูกหลานเหล่าไททันของยูเรนัสและไกอา 

• เป็นชายหกคน ได้แก่: โอเชียนัส , โคเอียส , คริอุส , ไฮเปอเรียน , ไอเอเพทัส และ โครนัส 
• เป็นหญิงหกคน ได้แก่: เธีย, เรีย , ธีมิส , มเนโมซิเน , ฟีบี , เทธีส 

พี่น้องไททันแปดคนแต่งงานกัน: 

คู่สมรสของไททันส์
โครนัส แต่งงานกับ เรีย โอเชียนัส แต่งงานกับ เทธีส,  โคเอียส แต่งงานกับ ฟีบี,  ไฮเปอเรียน แต่งงานกับ เธีย

1. โอเชียนัส แต่งงานกับ เทธีส, 
2. โคเอียส แต่งงานกับ ฟีบี, 
3. ไฮเปอเรียน แต่งงานกับ เธีย 
4. โครนัส แต่งงานกับ เรีย 

พี่น้องไททันอีกสองคนแต่งงานกันนอกครอบครัวโดยตรง 

• ไอเอเพทัสแต่งงานกับหลานสาวของเขาชื่อไคลเมนี (ซึ่งเป็นลูกสาวของโอเชียนัสและทีธีส) ส่วน
• คริอุสแต่งงานกับยูริเบีย (ซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาของเขาซึ่งเป็นลูกสาวของไกอาและพอนทัส)

พี่น้องไททันที่เหลือสองคนคือ ธีมิส และ มเนโมซิเน ได้กลายเป็นภรรยาของซูส (หลานชายของพวกเขา)

• จาก Oceanus และ Tethys พวกเขาให้กำเนิดเทพเจ้าแห่งแม่น้ำสามพันองค์ และ นางไม้ Oceanid สามพันองค์
• จาก Coeus และ Phoebe พวกเขาให้กำเนิด Leto (ภรรยาอีกคนของ Zeus) และ Asteria 
• จาก Crius และ Eurybia พวกเขาให้กำเนิด Astraeus , Pallas และ Perses 
• จาก Hyperion และ Theia พวกเขาให้กำเนิดบุคคลในสวรรค์ ได้แก่ Helios (ดวงอาทิตย์), Selene (ดวงจันทร์) และ Eos (รุ่งอรุณ) 
• จาก Iapetus และ Clymene พวกเขาให้กำเนิด Atlas , Menoetius , Prometheus และ Epimetheus 
• จาก Cronus และ Rhea พวกเขาให้กำเนิดชาว Olympians ได้แก่: Hestia , Demeter , Hera , Hades , Poseidon และ Zeus; 
• และโดยซุสกับเทพีธีมิส พวกเขาให้กำเนิด ชาวโฮเร (Hours) สามองค์ และ ชาวโมอิไร (Fates) สามองค์ 
• และโดยซุสกับมเนโมซินี พวกเขาให้กำเนิด มิวส์เก้าองค์

แม้ว่าลูกหลานของไททันอย่างโอเชียนัสและทีทิส โครนัสและรีอา ธีมิส และมเนโมซินี (กล่าวคือ เทพแห่งแม่น้ำ โอเชียนิดส์ ชาวโอลิมเปียน ชาวโฮเร ชาวโมอิไร และ ชาวมิวส์) โดยปกติจะไม่ถือเป็นไททัน แต่ลูกหลานของไททันอื่นๆ เช่น ลีโต เฮลิออส แอตลาส และ โพรมีธีอุส บางครั้งก็ถูกเรียกว่าไททันด้วยเช่นกัน

เทพไททันตามตำนานของชาวกรีก

แก้

ตามตำนานของชาวกรีกเป็นเทพรุ่นเก่าซึ่งถูกชิงอำนาจไปโดยเหล่าเทพโอลิมเปียน เหล่าเทพไททันเป็นบุตรของไกอา และยูเรนัส มีจำนวน 12 องค์ คือ 1.โอเชียนัส 2.โคไออัส 3.ไครอัส 4.ไฮพีเรียน 5.ไออาพีทัส 6.ไธอา 7.รีอา 8.ธีมิส 9.นีโมซินี 10.ฟีบี 11.ทีธิส และ 12.โครนอส และในภายหลังได้มีการเพิ่ม ไดโอนี เข้ามาเป็นเทพีไททันองค์ที่ 13 ด้วย

เทพไททันเป็นหนึ่งในบรรดาลูกของไกอาที่ถูกยูเรนัสโยนลงไปในพื้นใต้พิภพ ไกอาเคียดแค้นกับการกระทำของยูเรนัสมาก จึงได้ชักชวนบุตรของตนให้รวมตัวกันล้มล้างอำนาจของยูเรนัส

โครนอสผู้เป็นบุตรองค์สุดท้องอาสาที่จะทำการกบฏนี้ และล้มล้างอำนาจของยูเรนัสได้สำเร็จ โครนัสจึงได้ชักชวนเหล่าเทพไททันอื่น ๆ ให้ขึ้นมาครอบครองพื้นพิภพ แต่ไม่ยอมช่วยเหล่าอสุรกายอัปลักษณ์ที่เป็นลูกตนอื่น ๆ ของไกอาขึ้นมาด้วย ไกอาจึงสาปแช่งให้โครนัสต้องถูกลูกของตนยึดอำนาจเช่นเดียวกับที่โครนัสได้ทำกับยูเรนัส คำสาปของไกอาประสบผลเมื่อเทพโอลิมเปียนได้ถือกำเนิดขึ้นและยึดอำนาจจากโครนัส

เทพไททันตามตำนานของชาวเพลาสเกียน

แก้

ตามตำนานของชาวเพลาสเกียนเทพไททันเป็นเทพรุ่นแรก มีอำนาจเหนือดวงดาวต่าง ๆ ในจักรวาล ถูกสร้างขึ้นโดยเทพียูริโนมี (Eurynome) มีจำนวนทั้งหมด 12 องค์ คือ 1.เทพีไธอา 2.เทพไฮพีเรียน 3.เทพีฟีบี 4.เทพแอตลาส 5.เทพีไดโอนี 6.เทพไครอัส 7.เทพีธีมิส 8.เทพยูริมีดอน 9.เทพีทีธิส 10.เทพโอเชียนัส 11.เทพีรีอา 12.เทพโครนอส

โดยเทพีไธอาและเทพไฮพีเรียนครอบครองดวงอาทิตย์ เทพีฟีบีและเทพแอตลาสครอบครองดวงจันทร์ เทพีไดโอนีและเทพไครอัสครอบครองดาวพุธ เทพีธีมิสและเทพยูริมีดอนครอบครองดาวพฤหัสบดี เทพีทีธิสและเทพโอเชียนัสครอบครองดาวศุกร์ และเทพีรีอาและเทพโครนอสครอบครองดาวเสาร์

พ่อแม่ คู่สมรส และลูกของไททันทั้ง 12 ตน ตามทฤษฎีเทววิทยา ของเฮเซียด
ยูเรนัส ไกอา พอนตัส โอเชียนัส เทธิส โคอัส ฟีบี้ คริอุส ยูริเบีย แม่น้ำ ​ โอเชียนิดส์ เลโต แอสทีเรีย แอสตราอุส พาลาส เพอร์เซส ไฮเปอเรียน เธีย ไอเอเพทัส ไคลมีน เฮลิออส เซเลเน่ อีออส แอตลาส เมโนเอเทียส โพรมีธีอุส เอพิเมธีอุส ครอนัส เรีย เฮสเทีย ดีมีเตอร์ เฮร่า ฮาเดส โพไซดอน ซุส ธีมิส (ซุส) มเนโมซินี โฮเร โมอิไร มิวส์

รูปแบบต่างๆ

แก้ไข

รีอาทั้งน้องสาวและภรรยาของโครนัส

ในบทหนึ่งของ อีเลียด ที่เรียกว่า The Deception of Zeus มีการกล่าวถึงประเพณีที่แสดงให้เห็นว่า โฮเมอร์อาจรู้จักตำนานที่ว่าโอเชียนัสและทีทิส (แทนที่จะเป็นยูเรนัสและไกอาในแบบของเฮเซียด) เป็นพ่อแม่ของเหล่าไททัน โฮเมอร์ให้เฮร่ากล่าวถึงทั้งสองว่า "โอเชียนัส ผู้เป็นต้นกำเนิดของเหล่าเทพเจ้า และทีทิส ผู้เป็นมารดาของเทพทั้งหลาย" ขณะที่ฮิปนอสในข้อความเดียวกันบรรยายโอเชียนัสว่า "ต้นกำเนิดของทุกสิ่ง"

ใน Timaeus เพลโตเสนอแผนวงศ์ตระกูล (ซึ่งอาจสะท้อนแนวคิดแบบออร์ฟิก) โดยพยายามเชื่อมโยงโฮเมอร์และเฮเซียดเข้าด้วยกัน เพลโตระบุว่า ยูเรนัสและไกอาเป็นพ่อแม่ของโอเชียนัสและทีทิส และโอเชียนัสกับทีทิสเป็นพ่อแม่ของโครนัสและรีอา รวมถึง "ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา" เช่น ฟอร์คีส ใน Cratylus เพลโตยังอ้างถึงคำกล่าวของออร์ฟูสที่ว่าโอเชียนัสและทีทิสเป็น "คู่แรกที่แต่งงานกัน" ซึ่งสนับสนุนแนวคิดที่ว่าทั้งสองเป็นบรรพบุรุษดั้งเดิม มากกว่ายูเรนัสและไกอา

ในตำนานของเฮเซียด ไททันมีทั้งหมด 12 ตน แต่ในคำบอกเล่าของอพอลโลโดรัส นักตำนานชาวกรีก เขาเพิ่มไททันคนที่ 13 คือไดโอนี ผู้เป็นมารดาของอโฟรไดท์กับซุส ส่วนเพลโตได้เพิ่มฟอร์คีสเข้าเป็นหนึ่งในกลุ่มไททัน การเพิ่มเติมเหล่านี้สะท้อนถึงความหลากหลายของตำนานออร์ฟิก ซึ่งฟอร์คีสและไดโอนีอาจแทนที่โอเชียนัสและทีทิสในบางประเพณี

นักเขียนโรมัน ไฮจินัส นำเสนอวงศ์ตระกูลที่สับสนมากขึ้น โดยเริ่มจากลูกหลานของเอเธอร์ (ท้องฟ้าเบื้องบน) และไกอา ได้แก่ โอเชียนัส, ธีมิส, ทาร์ทารัส และพอนทัส จากนั้นจึงเรียกชื่อเหล่า "ไททัน" พร้อมเทพไซคลอปส์ และฟิวรี เช่น แอตลาส, ไฮเพอเรียน, โครนัส, รีอา, ไดโอนี และฟิวรีสามองค์ ได้แก่ อเลคโต, เมกาเอรา และทีซิโฟเน

ในตำนานภูมิศาสตร์ของพอซาเนียส ยังกล่าวถึงภาพของชายในชุดเกราะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นไททันอนิโทส ผู้เป็นผู้เลี้ยงดูเทพธิดาเดสโพนาแห่งอาร์คาเดีย ตอกย้ำความหลากหลายและซับซ้อนในตำนานเกี่ยวกับเหล่าไททันในโลกกรีก-โรมัน.

อดีตเทพเจ้า

แก้ไข

ไททัน: เทพเจ้าแห่งอดีตและบทบาทในตำนานกรีก

ไททันเป็นกลุ่มเทพเจ้าที่เป็นตัวแทนของระเบียบโลกก่อนยุคโอลิมเปียน เฮเซียดใช้คำว่า "อดีตเทพเจ้า" ( theoi proteroi ) เพื่ออธิบายพวกเขา ไททันถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าที่ถูกเนรเทศให้อาศัยอยู่ในทาร์ทารัส ใต้พื้นพิภพ จึงถือว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งยมโลก" ที่ขัดแย้งกับชาวโอลิมเปียน ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสวรรค์ 

เฮเซียดเรียกไททันว่าเป็น "ผู้เกิดบนโลก" (chthonic) และใน The Hymn to Apollo ของโฮเมอร์ เฮร่ากล่าวถึงไททันว่า "อาศัยอยู่ใต้พื้นพิภพ" พร้อมสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเพื่อต่อต้านซุส เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นวิญญาณแห่งโลกเบื้องล่าง ในทำนองเดียวกัน ใน Iliad เฮร่าได้สาบานต่อแม่น้ำสติกซ์แห่งยมโลก โดย 'อัญเชิญเทพเจ้าทุกองค์ที่อยู่ใต้ทาร์ทารัสซึ่งเรียกว่าไททัน' มาเป็นพยาน

ตำนานและบทบาทของไททัน

แม้ว่าไททันจะถูกมองว่าเป็นเทพเจ้ารุ่นเก่า แต่พวกเขาไม่ได้เป็นเทพเจ้าดั้งเดิมของชาวกรีก ตำนานของพวกเขามีความเกี่ยวโยงกับความเชื่อจากตะวันออกใกล้ (ดู "ต้นกำเนิดตะวันออกใกล้" ด้านล่าง) และถูกใช้เพื่ออธิบายว่าเทพเจ้าโอลิมปัสกรีกเหล่านี้มาจากไหน และมาครองตำแหน่งสูงสุดในจักรวาลได้อย่างไร ไททันเป็นเทพเจ้ารุ่นก่อนและตระกูลเทพเจ้า ซึ่งชาวโอลิมปัสต้องโค่นล้มและขับไล่พวกเขาออกจากโลกเบื้องบน เพื่อที่จะกลายเป็นวิหารเทพเจ้าของกรีก

ไททันตามเฮเซียดมีทั้งหมด 12 ตน แบ่งเป็นชาย 6 และหญิง 6 คน โดยบางชื่ออาจถูกแต่งขึ้นในเชิงบทกวีเพื่อให้ครบจำนวนที่ถูกต้อง เทพเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในตำนานการสืบทอดตำแหน่ง เช่น ไททันโครนัสโค่นล้มบิดาของเขา ยูเรนัส แต่ต่อมา ซุส ผู้นำโอลิมเปียน ได้ลุกขึ้นต่อต้านโครนัสและไททันทั้งปวงในสงครามไททันโนมาคี ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของซุสและการขับไล่ไททันลงสู่ทาร์ทารัส

บทบาทของไททันแต่ละตน

เมื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล ไททันเพียงไม่กี่ตนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากโครนัสแล้ว บุคคลอื่นเพียงคนเดียวที่โฮเมอร์กล่าวถึงว่าเป็นไททันก็คือ ไอเพทัส ในตำนาน ไททันบางตนดูเหมือนจะทำหน้าที่ในการสืบเชื้อสายเท่านั้น โดยเป็นพ่อแม่ของลูกหลานที่สำคัญกว่า ตัวอย่างเช่น:

• โคเอียสและฟีบี: พ่อแม่ของลีโต ผู้ให้กำเนิดอพอลโลและอาร์เทมิส
• ไฮเพอเรียนและเธีย: พ่อแม่ของเฮลิออส (สุริยะเทพ) เซลีน (จันทราเทพี) และอีออส (เทพีรุ่งอรุณ)
• ไอเพทัส: พ่อของแอตลาสและโพรมีธีอัส
• คริอุส: พ่อของแอสเทรอัส, พัลลาส, และเพอร์เซส ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ อะเนมอย (สายลม), ไนกี้ (ชัยชนะ), และเฮคาตี

ความสำคัญของไททันในตำนาน

นอกจากโครนัสแล้ว ไททันส่วนใหญ่ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ตำนาน และไม่มีความเกี่ยวข้องในลัทธิบูชาเทพเจ้ากรีก พวกเขาเป็นเพียงผู้ให้กำเนิดสายเลือดของเทพรุ่นใหม่ที่สำคัญกว่า บทบาทของพวกเขาสิ้นสุดลงหลังสงครามไททันโนมาคี โดยชาวโอลิมเปียนได้ขึ้นครองตำแหน่งสูงสุดในจักรวาลแทน

ถูกโค่นล้ม

แก้ไข

ตำนานการโค่นล้มไททัน

ไททันมีบทบาทสำคัญในตำนานกรีก โดยเฉพาะในเรื่องการสืบทอดตำแหน่งของเทพเจ้า โครนัส ไททันที่อายุน้อยที่สุด ได้โค่นล้มยูเรนัส บิดาของเขา จากนั้น ซุส ลูกชายของโครนัส ได้ทำสงครามครั้งใหญ่กับโครนัสและไททันอื่นๆ ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า "ไททันโนมาคี" หรือสงครามไททัน ซึ่งกินเวลายาวนานถึงสิบปี สุดท้ายซุสสามารถเอาชนะโครนัสและไททันทั้งปวงได้ และกลายเป็นผู้ปกครองจักรวาลอย่างถาวร

เฮเซียด

แก้ไข

การผ่าดาวยูเรนัสโดยดาวเสาร์ : ภาพปูนเปียกโดยGiorgio VasariและCristofano Gherardi , c. 1560 (ศาลาดิโคซิโม 1, ปาลาซโซเวคคิโอ )

กำเนิดไททัน

ใน Theogony ของเฮเซียด เล่าว่า ยูเรนัสและไกอาให้กำเนิดบุตร 18 คน ได้แก่ ไททัน 12 คน ไซคลอปส์ 3 คน และเฮคาโทนเชเร (ฮันเดรดแฮนด์เดอร์) 3 คน ยูเรนัสเกลียดลูกของเขาและขังพวกเขาไว้ในไกอา ทำให้ไกอาโกรธและสร้างเคียวเพชรเพื่อแก้แค้น เธอเร่งเร้าให้ลูกๆ ลงโทษพ่อของพวกเขา โครนัสเป็นคนเดียวที่ยอมทำตาม ไกอาจึงซ่อนโครนัสไว้และมอบเคียวให้ เมื่อยูเรนัสมานอนกับไกอา โครนัสก็ใช้เคียวตอนพ่อของเขา ไททันจึงขึ้นมามีอำนาจ โดยโครนัสเป็นผู้นำ

รีอาส่งโครนัสซึ่งเป็นหินที่ห่อด้วยผ้ามาให้

โครนัสซึ่งตอนนี้เข้ายึดครองจักรวาลจากยูเรนัส เขาต้องการให้แน่ใจว่าเขาคงการควบคุมไว้ได้ เมื่อยูเรนัสและไกอาสาปแช่งว่า ลูกคนหนึ่งของโครนัสจะโค่นล้มเขา ดังนั้นเมื่อโครนัสแต่งงานกับรีอา เขาจึงกลืนลูกทุกคนที่รีอาให้กำเนิด เขาทำเช่นนี้กับห้าคนแรก: เฮสเทีย , ดีมีเทอร์ , เฮร่า , ฮาเดส , โพไซดอน (ตามลำดับ) ซึ่งทำให้รีอาเสียใจมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อรีอาตั้งครรภ์ซุส เธอจึงขอความช่วยเหลือจากไกอาและยูเรนัสพ่อแม่ของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งรีอาไปที่ไลคตัสบนเกาะครีตเพื่อให้กำเนิดซูส และไกอาก็พาทารกแรกเกิดซูสไปเลี้ยงดู โดยซ่อนเขาไว้ในถ้ำลึกใต้ภูเขาไอเจียน นขณะเดียวกัน รีอาได้มอบหินก้อนใหญ่ที่ห่อด้วยเสื้อผ้าของทารกให้กับโครนัส ซึ่งเขากลืนลงไปเพราะคิดว่ามันเป็นลูกอีกคนของรีอา

ซุสโค่นล้มโครนัส

“การล่มสลายของไททัน” สีน้ำมันบนผ้าใบโดยจาค็อบ จอร์เดนส์ 1638

ตอนนี้ซุสเติบโตแล้วและบังคับให้โครนัส (ใช้กลอุบายบางอย่างของไกอา) ปล่อยลูกอีกห้าคนของเขาออกไป จากนั้นซุสก็ปล่อยไซคลอปส์ซึ่งเป็นลุงของเขา (ซึ่งดูเหมือนจะยังถูกคุมขังอยู่ใต้พื้นโลกพร้อมกับพวกฮันเดรดแฮนด์เดอร์ที่ยูเรนัสขังพวกเขาไว้ในตอนแรก) จากนั้นพวกเขาก็มอบอาวุธสำคัญให้กับซุส ซึ่งก็คือสายฟ้าที่ไกอาซ่อนเอาไว้ 

สงครามครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น นั่นคือไททันโนมาคีเพื่อควบคุมจักรวาล ชาวโอลิมเปียนตั้งฐานที่ภูเขาโอลิมปัส ส่วนไททันอยู่ที่ภูเขาโอธริส 

สงครามดำเนินไปถึงสิบปี จนกระทั่งซุสได้รับคำแนะนำจากไกอาให้ปล่อยพวกฮันเดรดแฮนด์เดอร์ ซึ่งเข้าร่วมสงครามกับไททัน ซึ่งช่วยให้ซุสได้เปรียบ ซูสใช้สายฟ้าฟาดใส่ไททันจนได้รับชัยชนะในที่สุด เขาขับไล่ไททันทั้งหมดลงไปยังทาร์ทารัส และมอบหมายให้เฮคาโทนเชเรเป็นองครักษ์ผู้คุมขังไททันตลอดกาล

การกล่าวถึงไททันในงานของโฮเมอร์

แก้ไข

ในผลงานของโฮเมอร์ มีการกล่าวถึงไททันและตำนานการสืบทอดตำแหน่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใน อีเลียด โฮเมอร์ระบุว่า “เทพเจ้าที่เรียกว่าไททัน” อาศัยอยู่ในทาร์ทารัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขากล่าวว่า “ไอเพทัสและโครนัสไม่มีความสุขจากแสงอาทิตย์ของเฮลิออส ไฮเปอเรียน หรือจากสายลมใดๆ เพราะทาร์ทารัสอันลึกครอบคลุมพวกเขา” และยังเสริมอีกว่า ซุสได้ "ผลักโครนัสลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นดินและทะเลอันสงบนิ่ง"

การกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลอื่น

การกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลอื่นๆ ในช่วงต้น

แก้ไข

การก่อกบฏของไททันและการจำคุกในทาร์ทารัสยังปรากฏในบทสวดของโฮเมอร์เกี่ยวกับอพอลโลและเอสคิลัสที่ โพรมีธีอุส ถูกผูกมัด ในบทสวดนั้น เฮร่าซึ่งโกรธซุส จึงร้องเรียก "เทพเจ้าไททันที่อาศัยอยู่ใต้พื้นพิภพเกี่ยวกับทาร์ทารัสอันยิ่งใหญ่และเทพเจ้าและมนุษย์ก็ถือกำเนิดมาจากเทพเจ้าและมนุษย์"

ใน Prometheus Bound โพรมีธีอุส (ลูกชายของไททันไอเพทัส) ยังกล่าวถึง Titanomachy หรือสงครามไททัน และบทบาทของเขาในเหตุการณ์นั้นว่า:

เมื่ออำนาจของสวรรค์ถูกทำให้โกรธขึ้นในครั้งแรก และเกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา บางคนตั้งใจจะขับไล่โครนัสออกจากตำแหน่งเพื่อให้ซูสได้ครองราชย์อย่างแท้จริง ในขณะที่บางคนก็ต้องการผลตรงกันข้าม เพื่อที่ซูสจะไม่มีวันเอาชนะเหล่าทวยเทพได้ ในตอนนั้นเอง ถึงแม้ว่าฉันจะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดแก่พวกเขาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวไททันซึ่งเป็นลูกหลานของสวรรค์และโลกได้ แต่พวกเขาดูถูกคำแนะนำที่แยบยล โดยมีความภูมิใจในความแข็งแกร่งของตนเอง จึงคิดที่จะเอาชนะโดยไม่ต้องต่อสู้และด้วยกำลัง ... ไม่ใช่ด้วยกำลังหรือความรุนแรง แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่จะทำให้ผู้ที่จะได้เปรียบมีชัยเหนือพวกเขา และแม้ว่าฉันจะโต้แย้งเรื่องนี้กับพวกเขาทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลย เมื่อมีเรื่องมากมายรออยู่ข้างหน้า ดูเหมือนว่าการที่ฉันร่วมมือกับแม่ของฉันจะดีที่สุด และเข้าข้างซูสในฐานะอาสาสมัคร และด้วยคำแนะนำของฉันเอง ความมืดมิดของทาร์ทารัสจึงได้ซ่อนโครนัสผู้ชราและพวกพ้องของเขาไว้ภายในนั้น

อพอลโลโดรัส

แก้ไข

นักปราชญ์ในตำนานอพอลโลโดรัสได้ให้คำอธิบายที่คล้ายกันเกี่ยวกับตำนานการสืบทอดตำแหน่งกับตำนานของ เฮเซียด แต่มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ ^[ 64 ]ตามคำบอกเล่าของอพอลโลโดรัส มีไททันดั้งเดิมอยู่ 13 ตน โดยเพิ่มไททันหญิง ไดโอนี เข้าไปในรายชื่อของเฮเซียด ^[ 65 ]ไททัน (แทนที่จะเป็นลูกคนแรกของยูเรนัสเหมือนในเฮเซียด) เกิดหลังจากสามร้อยแฮนด์เดอร์และไซคลอปส์สามตัว[ 66 ^{]และใน}ขณะที่ยูเรนัสกักขังลูกหลานหกคนแรกของเขา เขาดูเหมือนจะปล่อยให้ไททันเป็นอิสระ ไม่ใช่แค่โครนัสเท่านั้น แต่ไททันทั้งหมด ยกเว้นโอเชียนัส โจมตียูเรนัส หลังจากที่ครอนัสตอนยูเรนัส ไททันก็ปลดปล่อยเหล่าฮันเดรดแฮนด์และไซคลอปส์ (ต่างจากในเฮเซียดที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกจองจำอยู่) และแต่งตั้งครอนัสเป็นผู้ปกครอง^[ 67 ]จากนั้นครอนัสก็จองจำเหล่าฮันเดรดแฮนด์และไซคลอปส์อีกครั้งในทาร์ทารัส^[ 68 ]

แม้ว่าเฮเซียดจะไม่ได้บอกว่าซูสสามารถปลดปล่อยพี่น้องของเขาได้อย่างไรในที่สุด แต่ตามที่อพอลโลโดรัสเล่าว่าซูสได้รับความช่วยเหลือจากเมทิส ลูกสาวของโอเชียนัส ซึ่งทำให้โครนัสอาเจียนซึ่งบังคับให้เขาต้องคายลูกๆ ของเขาที่กลืนลงไป^[ 69 ]ตามที่อพอลโลโดรัสเล่า ในปีที่สิบของสงครามที่ตามมา ซูสได้เรียนรู้จากไกอาว่าเขาจะได้รับชัยชนะหากเขามีชาวฮันเดรดแฮนด์และไซคลอปส์เป็นพันธมิตร ดังนั้น ซูสจึงสังหารแคมเป ผู้พิทักษ์ของพวกเขา (รายละเอียดที่ไม่พบในเฮเซียด) และปล่อยพวกเขาไป และนอกจากจะมอบสายฟ้าให้กับซูส (เช่นเดียวกับในเฮเซียด) แล้ว ไซคลอปส์ยังมอบตรีศูล ให้กับ โพ ไซ ดอนและมอบหมวกกันน็อคให้กับฮาเดส และ "ด้วยอาวุธเหล่านี้ เทพเจ้าจึงเอาชนะไททัน ขังพวกเขาไว้ในทาร์ทารัส และแต่งตั้งชาวฮันเดรดแฮนด์เป็นผู้พิทักษ์" ^[ 70 ]

ไฮจินัส

แก้ไข

นักปราชญ์ในตำนานโรมันHyginusได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับ Titanomachy ที่ไม่ธรรมดา (และอาจสับสน) ใน Fabulaeของเขา^[ 71 ]ตามคำบอกเล่าของ Hyginus Titanomachy เกิดขึ้นเนื่องจากข้อพิพาทระหว่างJupiterและJuno (เทพเจ้าโรมันที่เทียบเท่ากับ Zeus และ Hera) Juno ภรรยาที่หึงหวงของ Jupiter โกรธสามีของเธอเพราะEpaphus ลูกชายของ Jupiter ที่เกิดกับIo (หนึ่งในชู้สาวมากมายของสามีเธอ) ด้วยเหตุนี้ Juno จึงยุยงให้ Titans ก่อกบฏต่อ Jupiter และคืนSaturn (Cronus) ให้เป็นราชาของเหล่าทวยเทพ Jupiter ได้ปราบกบฏด้วยความช่วยเหลือของMinerva ( Athena ) ApolloและDiana ( Artemis ) และเหวี่ยง Titans (ตามบันทึกอื่นๆ) ลงสู่ Tartarus

หลังสงครามไททัน

แก้ไข

โอเชียนัสน้ำพุเทรวีโรม

หลังจากถูกโค่นล้มในสงครามไททัน โครนัสและไททันที่พ่ายแพ้ก็ถูกโยนลงไปในทาร์ทารัส:

นั่นคือที่ซึ่งเหล่าเทพไททันซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความมืดมัวอันน่าสยดสยองโดยแผนการของซุสผู้รวบรวมเมฆ ในสถานที่ชื้นแฉะ ณ ส่วนที่ไกลที่สุดของโลกอันกว้างใหญ่ พวกมันออกไปไม่ได้ เพราะโพไซดอนได้ตั้งประตูสำริดไว้ที่นั่น และกำแพงก็ถูกขยายออกไปทั้งสองด้าน^[ 72 ]

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากโครนัสแล้ว ไททันตัวใดกันแน่ที่ถูกสันนิษฐานว่าถูกจองจำในทาร์ทารัสนั้นยังไม่ชัดเจน^[ 73 ]ไททันดั้งเดิมตัวเดียวที่ถูกกล่าวถึงโดยชื่อว่าถูกจองจำร่วมกับโครนัสในทาร์ทารัสคือไอเพทัส^[ 74 ]

แต่ไม่ใช่ไททันทั้งหมดที่ถูกคุมขังที่นั่น แน่นอนว่าโอเชียนัส แม่น้ำใหญ่ที่โอบล้อมโลก ดูเหมือนจะยังคงเป็นอิสระ และในความเป็นจริง ดูเหมือนจะไม่ได้ต่อสู้เคียงข้างไททันเลย^[ 75 ] ในเฮเซียด โอเชียนัสส่งสติกซ์ ลูกสาวของเขา พร้อมด้วยลูกๆ ของเธอเซลัส (อิจฉา) ไนกี้ (ชัยชนะ) เครโทส (พลัง) และเบีย (กำลัง) เพื่อต่อสู้เคียงข้างซูสเพื่อต่อต้านไททัน^[ 76 ]ในขณะที่อยู่ในอีเลียดเฮร่ากล่าวว่าในช่วงไททันโนมาคี เธอได้รับการดูแลโดยโอเชียนัสและไททันเนส ภรรยาของเขา เทธิ ส^[ 77 ] โพร มีธีอัสของเอสคิลัสถูกผูกมัด โอเชียนัสมีอิสระที่จะไปเยี่ยมหลานชายของเขาโพรมีธีอัสได้ช่วงหนึ่งหลังสงคราม^[ 78 ]เช่นเดียวกับโอเชียนัส เฮลิออส บุตรแห่งไททันของไฮเปอเรียน ยังคงสามารถขับรถม้าสุริยะของเขาข้ามท้องฟ้าได้ทุกวัน และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ไททัน^[ 79 ]อิสรภาพของโอเชียนัส ร่วมกับเฮลิออส (ดวงอาทิตย์) และบางทีไฮเปอเรียน (ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์ด้วย) ดูเหมือนจะเป็นผลจากความจำเป็นทางจักรวาลวิทยา เพราะแม่น้ำที่โอบล้อมโลกหรือดวงอาทิตย์จะถูกจำกัดอยู่ในทาร์ทารัสได้อย่างไร? ^[ 80 ]

การทรมานของโพรมีธีอุสภาพวาดโดยซัลวาเตอร์ โรซา (1646–1648)

ส่วนลูกหลานชายคนอื่นๆ ของไททัน บางส่วนดูเหมือนจะเข้าร่วมในไททันโอมาคี และถูกลงโทษเป็นผล และบางส่วนไม่ได้เข้าร่วม หรืออย่างน้อย (เช่น เฮลิออส) ยังคงเป็นอิสระ ลูกชายสามคนของไอเอเพทัสแอตลาสเมโนเอทิอุสและโพรมีธีอุส เชื่อมโยงโดยเฉพาะจากแหล่งข้อมูลโบราณกับสงคราม ในเทววิทยาทั้งแอตลาสและเมโนเอทิอุสได้รับการลงโทษจากซูส แต่เฮเซียดไม่ได้ระบุว่าพวกเขาถูกลงโทษด้วยความผิดประเภทใด^[ 81 ]แอตลาสถูกซูสลงโทษอย่างโด่งดัง โดยถูกบังคับให้ยกท้องฟ้าขึ้นบนไหล่ของเขา แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลในช่วงแรกสำหรับเรื่องนี้ (เฮเซียด โฮเมอร์พินดาร์และเอสคิลัส ) ใดกล่าวว่าการลงโทษของเขาเป็นผลจากสงคราม^[ 82 ]อย่างไรก็ตาม ตามคำบอกเล่าของไฮจินัส แอตลาสเป็นผู้นำไททันในการก่อกบฏต่อต้านซูส (จูปิเตอร์) ^[ 83 ] Theogony ได้กล่าวถึงเมโนเอทิอุสที่โดนสายฟ้าของซูสฟาดและโยนลงไปในเอเรบัส "เพราะความทะนงตนอย่างบ้าคลั่งและความภาคภูมิใจที่เกินเหตุของเขา" ^[ 84 ]ไม่ชัดเจนว่าเฮเซียดใช้เอเรบัสเป็นชื่ออื่นของทาร์ทารัส (ซึ่งบางครั้งก็ทำ) หรือหมายความว่าเมโนเอทิอุสถูกลงโทษเพราะมีส่วนร่วมในไททันมาคี และไม่มีแหล่งข้อมูลอื่นที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ แต่อพอลโลโดรัสกล่าวว่าเป็นเช่นนั้น^[ 85 ]เฮเซียดไม่ได้กล่าวถึงโพรมีธีอุสที่เกี่ยวข้องกับไททันมาคี แต่โพรมีธีอุสยังคงเป็นอิสระในTheogonyจากการหลอกลวงซูสที่เมโคนและการขโมยไฟ ในเวลาต่อมา ซึ่งการละเมิดดังกล่าวทำให้โพรมีธีอุสถูกซูสลงโทษอย่างโด่งดังด้วยการถูกโซ่ล่ามไว้กับหินที่นกอินทรีมากิน "ตับอมตะ" ของเขาทุกวัน ซึ่งจะงอกขึ้นมาใหม่ทุกคืน^[ 86 ]อย่างไรก็ตามPrometheus BoundของAeschylus (ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น) ระบุว่า Prometheus พูดว่าเขาเป็นพันธมิตรของ Zeus ในช่วง Titanomachy ^[ 87 ]

อพอลโลแทงทิตโยสด้วยลูกศรของเขา ซึ่งพยายามข่มขืนลีโต แม่ของเขา (ประมาณ 450–440 ปีก่อนคริสตกาล)

ไททันหญิง เท่าที่กล่าวถึงทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะได้รับอนุญาตให้เป็นอิสระเช่นกัน^[ 88 ]ตามTheogony มีสามคน ที่กลายเป็นภรรยาของZeusได้แก่Themis , MnemosyneและLeto ซึ่งเป็นลูกสาวของไททันCoeusและPhoebe ^[ 89 ] Themisให้กำเนิดHorae (Hours) สามคน และ Moirai (Fates) สามคน และ Mnemosyneให้กำเนิด Muses ทั้งเก้าLetoซึ่งให้กำเนิดนักบวชแห่งโอลิมปัสApolloและArtemisมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในฝ่าย Trojans ในIliadและยังมีส่วนร่วมในเรื่องราวของยักษ์Tityosด้วย^[ 90 ] Tethys สันนิษฐานว่าพร้อมกับสามีของเธอ Oceanus ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงคราม และดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ให้ที่พักพิงที่ปลอดภัยแก่ Hera ระหว่างสงคราม Rhea ยังคงเป็นอิสระและทำงานอยู่หลังสงคราม: ^[ 91 ]ปรากฏตัวในการส่งอพอลโลของเลโต^[ 92 ]ในฐานะผู้ส่งสารของซูสไปยังดีมีเตอร์ เพื่อ ประกาศการตั้งถิ่นฐานเกี่ยวกับเพอร์เซโฟนี [ ^{93 ] ทำให้}เพโลปส์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง^[ 94 ]

การปล่อยตัวที่เป็นไปได้

แก้ไข

ในขณะที่ในTheogony ของเฮเซียด และIliad ของโฮเมอร์ Cronus และไททันอื่น ๆ ถูกจำกัดให้อยู่ในทาร์ทารัส - เห็นได้ชัดว่าตลอดไป^[ 95 ] - ประเพณีอื่นตามที่ระบุโดยแหล่งข้อมูลที่ตามมาดูเหมือนว่าจะมี Cronus หรือไททันอื่น ๆ ได้รับอิสรภาพในที่สุด^[ 96 ] พินดาร์กล่าวในหนึ่งในบทกวีของเขา (462 ปีก่อนคริสตกาล) ว่าแม้ว่าแอตลาสยังคง "ทนกับน้ำหนักของท้องฟ้า ... ซูสปลดปล่อยไททัน" ^[ 97 ]และในบทกวีอื่น (476 ปีก่อนคริสตกาล) พินดาร์กล่าวว่า Cronus ปกครองในIsles of the Blessedซึ่งเป็นดินแดนที่วีรบุรุษกรีกอาศัยอยู่ในปรโลก: ^[ 98 ]

ผู้ที่อดทนถึงสามครั้งเพื่อรักษาจิตวิญญาณของตนให้พ้นจากการกระทำผิดทั้งหมด เดินตามเส้นทางของซุสไปจนสุดทาง สู่หอคอยของโครนัส ที่ซึ่งลมทะเลพัดผ่านเกาะแห่งผู้ได้รับพร และดอกไม้สีทองส่องประกาย บางดอกมาจากต้นไม้ที่งดงามบนผืนดิน ในขณะที่น้ำหล่อเลี้ยงบางดอก พวกเขาใช้พวงหรีดและพวงมาลัยดอกไม้เหล่านี้พันมือตามคำแนะนำอันชอบธรรมของราดาแมนธีสซึ่งบิดาผู้ยิ่งใหญ่ สามีของรีอา ผู้มีบัลลังก์เหนือใครทั้งหมด คอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดในฐานะหุ้นส่วน^[ 99 ]

Prometheus Lyomenosเป็นบทละครที่สูญหายไปโดยAeschylus (ประมาณ 525 - 455 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งไม่มีการระบุวันที่ มีบทประสานเสียงที่ประกอบด้วยไททันที่ได้รับอิสรภาพ อาจกล่าวได้ว่าก่อนหน้า Pindar และ Aeschylus บทละครสองบทในWorks and Days ของ Hesiods กล่าวถึงการปลดปล่อย Cronus โดย Zeus และการปกครองวีรบุรุษที่เดินทางไปยัง Isle of the Blessed แต่บทละครของ Hesiod เวอร์ชันอื่นไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ และบรรณาธิการส่วนใหญ่เห็นว่าบทละครเหล่านี้เป็นการสอดแทรกในภายหลัง^[ 100 ]

ต้นกำเนิดจากตะวันออกใกล้

แก้ไข

รูปแกะสลักนูนต่ำของชาวฮิตไทต์โบราณจากห้อง B ของYazılıkayaซึ่งเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่Hattusa ^[ 101 ]อาจแสดงถึงเทพเจ้าแห่งโลกใต้ดินทั้ง 12 องค์ ซึ่งชาวฮิตไทต์เรียกว่า "เทพเจ้าในอดีต" ( karuilies siunes ) และระบุด้วยAnunnaki แห่งบาบิล อน^[ 102 ]

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าตำนานการสืบราชบัลลังก์ของกรีกนำเข้ามาจากตะวันออกใกล้และพร้อมกับตำนานที่นำเข้านี้ยังมีเรื่องราวของกลุ่มเทพเจ้าผู้ปกครองในอดีตที่พ่ายแพ้และถูกขับไล่ และได้รับการระบุโดยชาวกรีกว่าเป็นไททัน^[ 103 ]ลักษณะเด่นของบันทึกของเฮเซียดเกี่ยวกับไททันสามารถเห็นได้ในเรื่องราวของชาวฮูร์เรียนชาวฮิตไทต์ชาวบาบิลอนและวัฒนธรรมตะวันออกใกล้อื่น ๆ^[ 104 ]

เพลงของคูมาร์บี (หรือเรียกอีกอย่างว่าการเป็นกษัตริย์บนสวรรค์ ) ของ ฮูร์โร - ฮิตไท ต์ เขียนขึ้นก่อนเฮเซียดห้าร้อยปี^[ 105 ]เล่าถึงลำดับกษัตริย์บนสวรรค์ ได้แก่อานู (ท้องฟ้า) คูมาร์บี และ เทชุบเทพเจ้าแห่งพายุโดยมีความคล้ายคลึงกับบันทึกของเฮเซียดเกี่ยวกับตำนานการสืบราชบัลลังก์ของกรีกหลายประการ เช่นเดียวกับโครนัส คูมาร์บีตอนอานู เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า และยึดครองบัลลังก์แทน และเช่นเดียวกับโครนัส คูมาร์บีกลืนเทพเจ้า (และหิน?) หนึ่งในนั้นคือเทชุบ เทพเจ้าแห่งพายุ ซึ่งเช่นเดียวกับซูส เทพเจ้าแห่งพายุ ดูเหมือนว่าเขาจะชนะคูมาร์บีและคนอื่นๆ ในสงครามระหว่างเทพเจ้า^[ 106 ]

ข้อความอื่นๆ ของชาวฮิตไทต์มีการพาดพิงถึง "เทพเจ้าในอดีต" ( karuilies siunes ) ซึ่งเฮเซียดเรียกไททันว่า theoi proteroiเช่นเดียวกับไททันชาวฮิตไทต์ เหล่านี้ มีอยู่ด้วยกัน 12 ตน (โดยปกติ) และถูกกักขังอยู่ในยมโลกโดยเทชูบ เทพเจ้าแห่งพายุ โดยถูกขังไว้ด้วยประตูที่ไม่สามารถเปิดได้^[ 107 ]ใน Hurrian karuilies siunes ของชาวฮิตไทต์ เป็นที่รู้จักในชื่อ "เทพเจ้าแห่งใต้พิภพ" ( enna durenna ) และชาวฮิตไทต์ระบุเทพเจ้าเหล่านี้ด้วยAnunnakiเทพเจ้าแห่งโลกใต้ พิภพของ ชาวบาบิลอน^[ 108 ]ซึ่งการพ่ายแพ้และการจำคุกโดยเทพเจ้าแห่งพายุMardukในบทกวีEnûma Eliš ของชาวบาบิลอน (ปลายสหัสวรรษที่ 2 หรือก่อนหน้านั้น) ^[ 109 ]มีความคล้ายคลึงกับการพ่ายแพ้และการจำคุกของไททัน^[ 110 ]กลุ่มเทพเจ้าอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับ Anunnaki แห่งเมโสโปเตเมีย ได้แก่ เทพเจ้าแห่งความตาย ( Dingiruggû ) เทพเจ้าที่ถูกเนรเทศ ( ilāni darsūti ) และเทพเจ้าแห่งการพ่ายแพ้ (หรือถูกผูกมัด) ( ilāni kamûti ) ^[ 111 ]

วรรณกรรมออร์ฟิก

แก้ไข

สปาราจมอส

แก้ไข

ไดโอนีซัสในโมเสกจากบ้านโพไซดอนพิพิธภัณฑ์โมเสกเซอุกมา

ในวรรณคดีออร์ฟิก ไททันมีบทบาทสำคัญในสิ่งที่มักถือกันว่าเป็นตำนานหลักของออร์ฟิสม์ นั่นก็คือ สปารากโมสซึ่งก็คือการชำแหละร่างกายของไดโอนีซัสซึ่งในบริบทนี้ มักจะได้รับฉายาว่าซาก รี อัส^[ 112 ]เรื่องราวที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งมักเล่าโดยนักวิชาการสมัยใหม่ มักมีเนื้อหาดังนี้^[ 113 ]ซุสมีเพศสัมพันธ์กับเพอร์เซโฟนีในรูปของงู จนได้กำเนิดไดโอนีซัส เขาถูกพาตัวไปที่ภูเขาไอดาซึ่ง (เช่นเดียวกับซุสในวัยทารก) ซึ่งเขาได้รับการปกป้องโดยคูเรตีสผู้เต้นรำ ซุสตั้งใจให้ไดโอนีซัสเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองจักรวาล แต่เฮร่าผู้อิจฉาริษยาได้ยุยงให้ไททัน ซึ่งต่างจากในเฮเซียดและโฮเมอร์ ไม่ถูกจองจำในทาร์ทารัส ให้ฆ่าเด็กคนนั้น ไททันใช้ยิปซัมฟอกหน้าให้ขาว และหลอกล่อไดโอนีซัสทารกด้วยของเล่นต่างๆ รวมทั้งกระจก พวกเขาจับไดโอนีซัสแล้วฉีก (หรือตัด) ^[ 114 ]เขาเป็นชิ้นๆ จากนั้นไททันก็ต้ม ย่าง และกินชิ้นส่วนเหล่านั้นบางส่วน แต่เอเธน่าสามารถช่วยหัวใจของไดโอนีซัสไว้ได้ ทำให้ซูสสามารถวางแผนให้เขาเกิดใหม่จากเซเมเลได้

มนุษยวิทยา

แก้ไข

มักถูกนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของตำนานเทพไดโอนีซัส ซากรีอัสที่ถูกแยกชิ้นส่วน ซึ่งเป็นเรื่องเล่าของเทพออร์ฟิกเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์ ตามมุมมองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางนี้ ซูสได้ฟาดสายฟ้า ใส่ไททันเพื่อลงโทษสำหรับความผิดของพวกเขา และจากซากของไททันที่ถูกทำลาย มนุษย์จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้มนุษย์ได้รับมรดกจากความผิดของบรรพบุรุษสำหรับบาปดั้งเดิมของไททัน และจากเรื่องเล่าบางเรื่อง "ได้ก่อให้เกิดรากฐานสำหรับหลักคำสอนของเทพออร์ฟิกเกี่ยวกับความเป็นพระเจ้าของมนุษย์" ^[ 115 ]อย่างไรก็ตาม ประเพณีของเทพออร์ฟิกที่รวมองค์ประกอบเหล่านี้ไว้เมื่อใดและในระดับใดนั้นยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างเปิดกว้าง^[ 116 ]

พลูทาร์กนักเขียนชีวประวัติและนักเขียนบทความในศตวรรษที่ 2 ได้เชื่อมโยงสปารากโมสกับการลงโทษไททัน แต่ไม่ได้กล่าวถึงแอนโธโรโปโกนี หรือออร์ฟิอุส หรือออร์ฟิสม์ ในบทความเรื่องOn the Eating of Fleshพลูทาร์กได้เขียนถึง "เรื่องราวที่เล่าถึงความทุกข์ทรมานและการชำแหละร่างกายของไดโอนีซัส และการโจมตีอย่างโหดร้ายของไททันต่อเขา และการลงโทษและการระเบิดด้วยสายฟ้าหลังจากที่พวกเขาได้ลิ้มรสเลือดของเขา" ^[ 117 ]ในขณะที่ตามคำกล่าวของอาร์โนเบียสนักวิจารณ์ศาสนาคริสต์ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 4 และ นอนนัสกวีมหากาพย์กรีกในศตวรรษที่ 5 ไททันถูกซุสจองจำในทาร์ทารัสเพื่อลงโทษสำหรับการฆ่าไดโอนีซัส^[ 118 ]

แหล่งข้อมูลโบราณเพียงแห่งเดียวที่เชื่อมโยงสปารากโมส และแอนโธรโปโกนีอย่างชัดเจนคือ โอลิมปิโอโดรัส นี โอเพล โตนิสต์ในศตวรรษที่ 6 ซึ่งเขียนว่าตามคำบอกเล่าของออร์ฟิอุส หลังจากที่ไททันได้ชำแหละและกินไดโอนีซัสแล้ว "ซูสโกรธกับการกระทำนั้น จึงยิงสายฟ้าใส่พวกมัน และจากไอระเหยที่พวยพุ่งออกมาจากพวกมัน สสารที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาก็มาจากพวกมัน" โอลิมปิโอโดรัสสรุปต่อไปว่า เนื่องจากไททันได้กินเนื้อของเขา พวกเราลูกหลานของไททันจึงเป็นส่วนหนึ่งของไดโอนีซัส^[ 119 ]

การตีความแบบสมัยใหม่

แก้ไข

นักวิชาการบางคนในศตวรรษที่ 19 และ 20 รวมถึงJane Ellen Harrisonได้โต้แย้งว่าพิธีกรรมการเริ่มต้นหรือพิธีกรรมแบบหมอผีเป็นพื้นฐานของตำนานการชำแหละและกินเนื้อคนของไดโอนีซัสโดยไททัน^[ 120 ] Martin Litchfield Westยังยืนยันเรื่องนี้ในความสัมพันธ์กับพิธีกรรมการเริ่มต้นแบบหมอผีของการปฏิบัติทางศาสนากรีกยุคแรก^[ 121 ]

นิรุกติศาสตร์

แก้ไข

ที่มาของคำว่าΤiτᾶνες ( ไททันส์ ) นั้นไม่ชัดเจน^[ 122 ]ในหนังสือ Theogony เฮเซียด ได้ให้ที่มาของคำว่า titaino [แปลว่า เครียด] และtisis [แก้แค้น] โดยกล่าวว่ายูเรนัสตั้งชื่อให้พวกมันว่าไททันส์ "เพื่อเป็นการตำหนิ เพราะเขาบอกว่าพวกมันเครียดและทำสิ่งที่น่ากลัวอย่างอวดดี แล้วการแก้แค้นจะตามมาทีหลัง" ^[ 123 ]แต่บรรดานักวิชาการสมัยใหม่กลับสงสัยเกี่ยวกับที่มาของคำว่าเฮเซียด^[ 124 ]

เจน เอลเลน แฮร์ริสันยืนยันว่าคำว่า "ไททัน" มาจากภาษากรีก τίτανος ซึ่งแปลว่า "ดิน ดินเหนียว หรือยิปซัม" สีขาว และไททันคือ "มนุษย์ดินเหนียวสีขาว" หรือมนุษย์ที่ปกคลุมไปด้วยดินเหนียวสีขาวหรือผงยิปซัมในพิธีกรรมของพวกเขา^[ 125 ]

ในทางดาราศาสตร์

แก้ไข

ดาวเสาร์ได้รับการตั้งชื่อตามไททันโครนัส ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวโรมันใช้เรียก ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ไททันตั้งชื่อตามไททันโดยทั่วไป ส่วนดวงจันทร์ดวงอื่นๆ ของดาวเสาร์ก็ตั้งชื่อตามไททันแต่ละดวงโดยเฉพาะเทธิส ฟีบีรีอาไฮเปอเรียนและไอเพทัสนักดาราศาสตร์วิลเลียม เฮนรี พิคเคอริงอ้างว่าได้ค้นพบดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งของดาวเสาร์ ซึ่งเขาตั้งชื่อว่าธีมิสแต่การค้นพบนี้ไม่เคยได้รับการยืนยัน และชื่อธีมิสก็ถูกตั้งให้กับดาวเคราะห์น้อย 24 ธีมิสดาวเคราะห์น้อย 57 มเนโมซีนก็ถูกตั้งชื่อตามไททันเช่นกัน

มีการตั้งสมมติฐานว่า ดาวเคราะห์ต้นกำเนิดTheiaอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการชนกันของระบบสุริยะในยุคแรกๆ และก่อให้เกิดดวงจันทร์ของโลก

ลูกหลานของไกอา (โลก) และยูเรนัส (ท้องฟ้า) ตามทฤษฎีของเฮเซียด
ไกอา ยูเรนัส โอเชียนัส คริอุส ไอเอเพทัส เรีย มเนโมซินี เทธิส โคอัส ไฮเปอเรียน เธีย ธีมิส ฟีบี้ ครอนัส ไททันส์ บรอนเต้ สเตียรอยด์ อาร์เจส ไซคลอปส์ คอตตัส ไบรอาเรียส ไจเจส เฮคาตันเชเรส

xxxx