ฮาร์ปี้ | ตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมัน

ฮาร์ปี: สัตว์ปีกในตำนานกรีกที่น่าสะพรึงกลัว

ฮาร์ปี (Harpy) เป็นสัตว์ในตำนานกรีกที่มีลักษณะแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว โดยมีรูปร่างเป็นครึ่งคนครึ่งนก มีใบหน้าและร่างกายส่วนบนเป็นผู้หญิง แต่มีปีกขนาดใหญ่และกรงเล็บแหลมคมคล้ายนก อีกทั้งยังมีเสียงร้องที่น่ากลัวและน่าขยะแขยง

ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับฮาร์ปี

• ที่มา: ฮาร์ปีถูกกล่าวถึงในตำนานกรีกหลายเรื่อง โดยมักถูกพรรณนาว่าเป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าแห่งลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูสและโพไซดอน
• บทบาท: ฮาร์ปีมีบทบาทหลักในการลงโทษมนุษย์ที่ทำผิด โดยเฉพาะผู้ที่ทำผิดต่อเทพเจ้า พวกมันจะบินลงมาจากท้องฟ้าเพื่อขโมยอาหารและทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
• ลักษณะนิสัย: ฮาร์ปีเป็นสัตว์ที่โหดร้ายและใจโหดเหี้ยม พวกมันชอบสร้างความหวาดกลัวและความเจ็บปวดให้กับผู้คน มักจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันและสร้างความเสียหายอย่างรวดเร็ว
• ความสามารถ: นอกจากความแข็งแกร่งและความเร็วในการบินแล้ว ฮาร์ปียังมีกลิ่นตัวที่เหม็นรุนแรงมากจนทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นต้องอ้วกและเป็นลม

ฮาร์ปีในตำนานต่างๆ

• ตำนานของฟินีส: ในตำนานกรก ฮาร์ปีถูกส่งมาลงโทษฟินีส กษัตริย์แห่งทรากี เนื่องจากเขาได้ทำร้ายลูกๆ ของโพไซดอน
• ตำนานของอียาส: ฮาร์ปียังปรากฏตัวในตำนานของอียาส ลูกชายของเทเลฟอส โดยพวกมันได้ขโมยอาหารของอียาสจนเขาอดอยากและเสียชีวิต

ฮาร์ปีในวัฒนธรรมปัจจุบัน

แม้ว่าตำนานเกี่ยวกับฮาร์ปีจะเป็นเรื่องราวในอดีต แต่ภาพลักษณ์ของฮาร์ปีก็ยังคงปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมปัจจุบัน เช่น

• วรรณกรรม: ฮาร์ปีปรากฏตัวในนิยายและนวนิยายหลายเรื่อง เช่น ในเรื่อง "โอดีสซี" ของโฮเมอร์
• ศิลปะ: ภาพวาดและประติมากรรมที่แสดงภาพฮาร์ปีมักเน้นถึงความน่ากลัวและความรุนแรงของพวกมัน
• ภาพยนตร์และโทรทัศน์: ฮาร์ปีถูกนำมาสร้างเป็นตัวละครในภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่อง

สัญลักษณ์และความหมายของฮาร์ปี

• ความโกรธแค้น: ฮาร์ปีเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธแค้นและการลงโทษ
• ความหายนะ: ฮาร์ปีเป็นตัวแทนของความหายนะและการทำลายล้าง
• ความกลัว: ฮาร์ปีสร้างความกลัวและความหวาดกลัวให้กับผู้คน

สรุป ฮาร์ปีเป็นสัตว์ในตำนานกรีกที่มีบทบาทสำคัญในการลงโทษผู้ที่ทำผิด พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธแค้น ความหายนะ และความกลัว ภาพลักษณ์ของฮาร์ปียังคงเป็นที่นิยมและถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ จนถึงปัจจุบัน

ฮาร์ปี้

แหล่งที่มา: Wikipedai
[รูปภาพบางส่วนในนี้ถูกสร้างด้วย AI: chatGPT]

ในตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมัน ฮาร์ปี ( พหูพจน์ harpies ,กรีกโบราณ : ἅρπυια , โรมัน :  hárpyia , ออกเสียงว่า[hárpyːa] ; ละติน : harpȳia ) เป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ครึ่งนกมักเชื่อกันว่าเป็นบุคคลแทนลมพายุ พวกมันปรากฏในบทกวีของโฮเมอร์ 

ฮาร์ปี้

ฮาร์ปี้ใน รูปแบบ ตราสัญลักษณ์จอห์น วินนิคอมบ์ พ.ศ. 2449
การจัดกลุ่ม	สิ่งมีชีวิตในตำนาน
การจัดกลุ่มย่อย	ลูกผสม
หน่วยงานที่คล้ายคลึง	ไซเรน
ประเทศ	กรีกและโรมัน

เนื้อหา

คำอธิบาย

แก้ไข

โดยทั่วไปแล้วฮาร์ปี้จะถูกพรรณนาเป็นนกที่มีหัวเป็นหญิงสาว ใบหน้าซีดเผือกเพราะความหิวโหย และมีกรงเล็บยาวบนมือ นักเขียนชาวโรมันและไบแซนไทน์ได้บรรยายถึงความน่าเกลียดของพวกมัน ^{[ แหล่งที่มาที่สร้างโดย AI? ]}ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาที่พรรณนาฮาร์ปี้เป็นภาพผู้หญิงสวยที่มีปีก โอวิดพรรณนาพวกมันว่าเป็นมนุษย์-แร้ง

เฮเซียด

แก้ไข

สำหรับเฮเซียดพวกเขาถูกจินตนาการว่าเป็นหญิงสาวผู้มีผมดกดำและมีปีก ซึ่งบินได้เร็วเท่ากับลม

[ท]ฮาร์ปี้ (Harpyiai) ที่มีผมงดงาม คือ โอคิพีท (Ocypete) และเอลโล ซึ่งทั้งสองบินด้วยความเร็วของปีกและบินให้ทันกับลมที่พัด หรือเหมือนกับนกที่บินอยู่ โดยบินสูงและโฉบไปมา

เอสคิลัส

แก้ไข

ตั้งแต่สมัยของเอสคิลัส ฮาร์ปี้ถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดและมีปีก และนักเขียนในเวลาต่อมาได้ตีความฮาร์ปี้ไปไกลถึงขั้นมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจที่สุด นักบวชหญิงชาวไพเธียนในเทพอพอลโลเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของเอรินเยส เทพธิดาแห่งการแก้แค้นของกรีกกับฮาร์ปี้ในบทต่อไปนี้ของ The Eumenides :

ต่อหน้าชายผู้นี้ มีกลุ่มสตรีพิเศษ [เช่น เอรินเยส] นอนหลับอยู่บนบัลลังก์ ไม่! ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นกอร์กอนที่ฉันเรียกพวกเธอ และฉันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบพวกเธอกับกอร์กอนได้เช่นกัน ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ฉันเห็นสิ่งมีชีวิตบางชนิดในภาพวาด [เช่น ฮาร์ปี้] กำลังลักลอบนำงานเลี้ยงของฟีเนอัสไป แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ [เช่น เอรินเยส] มีลักษณะไม่มีปีก ดำขลับ น่ารังเกียจโดยสิ้นเชิง พวกมันกรนเสียงดังด้วยลมหายใจที่น่ารังเกียจ พวกมันหยดหยดน้ำที่น่ารังเกียจจากดวงตา พวกมันไม่เหมาะที่จะนำไปไว้ต่อหน้ารูปปั้นของเทพเจ้าหรือในบ้านของมนุษย์

เวอร์จิล

แก้ไข

พวกมัน (ฮาร์ปี้) เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายคล้ายนกและมีใบหน้าคล้ายเด็กผู้หญิง พวกมันมีมูลที่น่ารังเกียจ มือของพวกมันมีกรงเล็บ ใบหน้าของพวกมันซูบผอมเพราะความหิวโหยที่ไม่อาจระงับได้ 

ไฮจินัส

แก้ไข

มีการกล่าวกันว่ามีขนปกคลุมหัวไก่ ปีก และแขนมนุษย์ มีกรงเล็บขนาดใหญ่ หน้าอก ท้อง และอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมียเป็นของมนุษย์ 

ฟังก์ชั่นและที่อยู่อาศัย

แก้ไข

กระจกที่มีรูปฮาร์ปี้ คริสต์ศตวรรษที่ 11–12 เมืองเทอร์เมซประเทศอุซเบกิสถาน

ดูเหมือนว่าเดิมทีฮาร์ปี้จะเป็นวิญญาณแห่งลม (ตัวแทนของธรรมชาติแห่งการทำลายล้างของลม) [ แหล่งที่มาที่สร้างโดย AI? ]ชื่อของพวกเขาหมายถึง 'ผู้แย่งชิง' หรือ 'ผู้ปล้นที่รวดเร็ว' และมีการกล่าวกันว่าพวกมันขโมยอาหารจากเหยื่อขณะที่กำลังกินและพาผู้กระทำความชั่ว (โดยเฉพาะผู้ที่ฆ่าครอบครัวของพวกเขา) ไปยัง Erinyes เมื่อบุคคลหนึ่งหายตัวไปจากโลก อย่างกะทันหัน มีการกล่าวกันว่าเขาถูกฮาร์ปี้พาตัวไป ดังนั้นพวกมันจึงพาลูกสาวของกษัตริย์ Pandareus ออกไป และมอบให้เป็นคนรับใช้ของ Erinyes ในรูปแบบนี้ พวกมันเป็นตัวแทนแห่งการลงโทษที่ลักพาตัวผู้คนและทรมานพวกเขาในระหว่างทางไปยัง Tartarus พวกมันถูกพรรณนาว่าโหดร้ายทารุณและรุนแรง ฮาร์ปี้ถูกเรียกว่า "สุนัขล่าเนื้อของซูส ผู้ยิ่งใหญ่ " หรือ "ข้ารับใช้ของเทพเจ้าสายฟ้า (ซูส)" นักเขียนในยุคหลังได้จัดให้ฮาร์ปี้เป็นผู้พิทักษ์ยมโลกใน บรรดาสัตว์ ประหลาดอื่นๆ รวมถึงเซนทอร์สกิลลา ไบรอาเรียสไฮดรา แห่งเลอร์เนียน คิเมร่า กอร์กอนและเจอริออน ที่อยู่อาศัยของพวกเขาถูกอธิบายว่าเป็นเกาะที่เรียกว่าStrofades ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางเข้า Orcus หรือถ้ำในเกาะครีต

ชื่อและครอบครัว

แก้ไข

เฮเซียดเรียกพวกมันว่าสิ่งมีชีวิต "ผมสวย" สองตัว ลูกสาวของทามัสและอิเล็กตร้าแห่งโอเซียนิด และน้องสาวของไอริส อย่างไรก็ตามไฮจินัสอ้างถึงโอโซมีนว่าเป็นมารดาของฮาร์ปี แต่เขายังเล่าด้วยว่าอิเล็กตร้าก็เป็นมารดาของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในแหล่งที่มาเดียวกัน สิ่งนี้สามารถอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าโอโซมีนเป็นอีกชื่อหนึ่งของอิเล็กตร้า ฮาร์ปี้อาจเป็นพี่น้องของไฮดาสเปส เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ และอาร์เค เนื่องจากพวกเขาถูกเรียกว่าน้องสาวของไอริส และเป็นลูกของทามัส ตามที่วาเลเรียสกล่าว ไทฟอนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพ่อของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ในขณะที่เวอร์ชันที่แตกต่างกันโดยเซอร์วิอุสบอกว่าฮาร์ปี้เป็นลูกสาวของพอนทัสและเกีย หรือของโพไซดอน พวกมันถูกตั้งชื่อว่าเอลโล ("พายุที่เคลื่อนที่เร็ว") และโอไซเพตี ("ปีกที่เคลื่อนไหวเร็ว") และเวอร์จิลได้เพิ่มเซลาโน ("ความมืด") ลงไปเป็นตัวละครที่สาม โฮเมอร์รู้จักฮาร์ปีชื่อโพดาร์จ ("เท้าที่ว่องไว") เอลโลบางครั้งก็สะกดว่าเอลโลพัสหรือนิโคโทอี อีกด้วย ส่วนโอไซเพตีบางครั้งก็สะกดว่าโอไซโทอีหรือโอไซโพดี อีกด้วย โฮเมอร์เรียกฮาร์ปีโพดาร์จว่าเป็นแม่ของม้าสองตัว (บาลิอุสและแซนทัส) ของอคิลลีส ซึ่งมีพ่อเป็นเซฟิรัสแห่งสายลมตะวันตก ในขณะที่ตามคำบอกเล่าของนอนนัส แซนทัสและโพดาร์เกส ม้าของเอเรคธีอุส กษัตริย์แห่งเอเธนส์ เกิดมาจากเอลโลและโบเรียสแห่งสายลมเหนือ ลูกหลานอื่นๆ ของโพดาร์จคือ ฟลอเกอัสและฮาร์ปากอส ม้าที่เฮอร์มีสมอบให้กับดิออสคูรีซึ่งแข่งขันในการแข่งรถม้าเพื่อเฉลิมฉลองเกมงานศพของเพเลียส อาริออนม้าที่ว่องไวยังกล่าวกันว่าเกิดจากเซฟิรัสที่ส่งเสียงดังบนฮาร์ปี้ (น่าจะเป็นโพดาร์จ) ซึ่งได้รับการรับรองโดยควินตัส สมีร์เนอัส

ตำนาน

แก้ไข

ฮาร์ปีในMonstrorum HistoriaของUlisse Aldrovandi , โบโลญญา, 1642

ภาพ ฮาร์ปี้ ในยุคกลางที่พรรณนาเป็นผู้หญิงนก

เรื่องราวที่มีชื่อเสียงที่สุดเกี่ยวกับฮาร์ปี้คือเรื่องของกษัตริย์ฟีเนอัสแห่งธราเซียซึ่งได้รับของขวัญแห่งการทำนายจากซูส ซูสโกรธที่ฟีเนอัสเปิดเผยแผนลับของเทพเจ้า จึงลงโทษเขาด้วยการทำให้เขาตาบอดและพาเขาไปอยู่บนเกาะที่มีอาหารบุฟเฟ่ต์ซึ่งเขาไม่สามารถกินได้ เนื่องจากฮาร์ปี้มักจะมาขโมยอาหารจากมือของเขาเสมอ ก่อนที่เขาจะอิ่มหนำสำราญ นักเขียนในเวลาต่อมาได้เสริมว่าฮาร์ปี้กินอาหารเอง หรือไม่ก็ทำให้อาหารสกปรกด้วยการหยดสารที่มีกลิ่นเหม็นบางอย่างลงไปบนอาหาร เพื่อไม่ให้อาหารนั้นรับประทานได้

เรื่องนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเจสันและอาร์โกนอตมาถึงฟีเนอัส สัญญาว่าจะสอนพวกเขาเกี่ยวกับเส้นทางที่พวกเขาต้องเลือก หากพวกเขาจะช่วยเขาจากฮาร์ปี้ได้ บอเรียส บุตรของบอเรียสลมเหนือ ซึ่งบินได้เช่นกัน ประสบความสำเร็จในการขับไล่ฮาร์ปี้ ตามคำทำนายโบราณ ฮาร์ปี้จะต้องพินาศด้วยน้ำมือของบอเรียส แต่บอเรียสจะต้องตายหากพวกเขาไม่สามารถไล่ทันฮาร์ปี้ได้ ฮาร์ปี้หนีไป แต่ตัวหนึ่งตกลงไปในแม่น้ำไทกริส จึงเรียกว่าฮาร์ปี้ ส่วนอีกตัวไปถึงเอคินาเดส และเนื่องจากมันไม่เคยกลับมาอีก เกาะต่างๆ จึงถูกเรียกว่าสโตรเฟเดส แต่เนื่องจากมันเหนื่อยล้า มันจึงล้มลงพร้อมกันกับผู้ไล่ตาม และเมื่อพวกเขาสัญญาว่าจะไม่รังแกฟีเนอัสอีก ฮาร์ปี้ทั้งสองตัวก็ไม่ได้ถูกพรากชีวิตไป ตามคำบอกเล่าของคนอื่นๆ โบเรเดสกำลังจะฆ่าฮาร์ปี้ เมื่อไอริสหรือเฮอร์มีสปรากฏตัวและสั่งให้ผู้พิชิตปล่อยพวกเขาเป็นอิสระ โดยสัญญาว่าฟีนีอัสจะไม่ถูกฮาร์ปี้รบกวนอีก "สุนัขของซุสผู้ยิ่งใหญ่" จึงกลับไปยัง "ถ้ำในครีตมิโนอัน" ของพวกเขา คำบอกเล่าอื่นๆ บอกว่าทั้งฮาร์ปี้และโบเรเดสตายแล้ว ฟีนีอัสขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกเขา จึงบอกอาร์โกนอตถึงวิธีผ่านซิมเพลกาเดส

Tzetzes อธิบายที่มาของตำนานที่เกี่ยวข้องกับ Phineus, Harpies และ Boreades ในบันทึกของเขา ในตำนานเวอร์ชันหลังนี้กล่าวกันว่า Phineus ตาบอดเนื่องมาจากอายุของเขา และเขามีลูกสาวสองคนชื่อ Eraseia และ Harpyreia หญิงสาวเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและเกียจคร้าน ปล่อยตัวให้ยากจนและอดอยาก จากนั้น Zetes และ Calais ก็จับตัวพวกเขาไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และพวกเขาก็หายไปจากสถานที่เหล่านั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากบันทึกนี้ ตำนานทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเขา [หรือที่เรียกว่า Harpies] จึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่ง Apollonius ก็ได้เล่าขานอีกครั้งในเรื่องราวของ Argonauts ของเขาเอง

เอเนียด

แก้ไข

อีเนียสพบกับฮาร์ปี้บนสโตรเฟดส์ ขณะที่พวกมันหลบหนีจากงานเลี้ยงที่พวกโทรจันจัดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซเลโนทำนายว่า พวกโทรจันจะหิวมากจนต้องกินโต๊ะของตัวเองก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง พวกโทรจันหนีไปด้วยความกลัว

การใช้งานภายหลัง

แก้ไข

ฮาร์ปี้ในป่านรก จากInferno XIII โดยGustave Doréพ.ศ. 2404

วรรณกรรม

แก้ไข

ฮาร์ปี้ยังคงมีชีวิตอยู่ในยุคกลางในบทที่ 13 ของInfernoดันเต อาลีกีเอรีจินตนาการถึงป่าที่ถูกทรมานซึ่งเต็มไปด้วยฮาร์ปี้ ซึ่งผู้ฆ่าตัวตายได้รับการลงโทษในวงแหวนที่ 7 ของนรก :

ที่นี่ ฮาร์ปี้ผู้ขับไล่
พวกโทรจันออกจากสโตรเฟดส์
ด้วยคำประกาศที่น่ากลัวเกี่ยวกับความหายนะที่กำลังจะมาถึง
พวกมันมีปีกกว้าง กรงเล็บที่คมกริบ คอและใบหน้าเหมือนมนุษย์
เท้ามีกรงเล็บและท้องบวมมีขน
พวกมันร้องคร่ำครวญในต้นไม้ที่น่าขนลุก

ในบทที่ 33 ของ Orlando Furioso ผู้เขียน Ludovico Ariosto กล่าวถึงจักรพรรดิคริสเตียนแห่งเอธิโอเปียอย่าง Senapo (Prester John) ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากฮาร์ปี้ภายใต้สถานการณ์ที่เกือบจะเหมือนกับในตำนานของ Phineus เลยทีเดียว เขาถูกพระเจ้าทำให้ตาบอด และฮาร์ปี้ก็ทำให้อาหารของเขาปนเปื้อน Senapo ได้รับการปลดปล่อยจากความทรมานนี้โดย Astolfo ซึ่งเป็นอัศวินจากราชสำนักของ Charlemagne

วิลเลียม เบลค ได้รับแรงบันดาลใจจากคำอธิบายของดันเต้ด้วยดินสอ หมึก และสีน้ำเรื่อง The Wood of the Self-Murderers: The Harpies and the Suicides (หอศิลป์เทต ลอนดอน)

นอกจากนี้ ฮาร์ปียังมีบทบาทในเรื่อง The Tempest ของเชกสเปียร์ ซึ่งวิญญาณของแอเรียลได้ทรมานศัตรูอย่างอันโตนิโอ เซบาสเตียน และอัลอนโซ สำหรับอาชญากรรมของพวกเขา โดยจัดฉากงานเลี้ยงคล้ายกับในเรื่อง Aeneid

ตราแผ่นดินใหญ่ของเมืองนูเรมเบิร์ก

การใช้ภาษาและการประยุกต์ใช้

แก้ไข

นกอินทรีฮาร์ปี้เป็นนกที่มีอยู่จริงซึ่งตั้งชื่อตามสัตว์ในตำนาน

คำนี้มักใช้เป็นคำเปรียบเทียบเพื่ออ้างถึงผู้หญิงที่น่ารังเกียจหรือน่ารำคาญ ในเรื่อง Much Ado About Nothing ของเชกสเปียร์ เบเนดิกต์สังเกตเห็นเบียทริซผู้ปากร้ายเดินเข้ามาหาและอุทานกับดอน เปโดร เจ้าชายว่าเขาจะทำภารกิจยากๆ หลายอย่างให้เขาทำ "แทนที่จะคุยกับนางฮาร์ปี้เพียงสามคำ!"

ตราประจำตระกูล

แก้ไข

ในยุคกลาง ฮาร์ปี ซึ่งในภาษาเยอรมันเรียกว่า Jungfrauenadler หรือ "อินทรีสาว" (แม้ว่าอาจไม่ได้จำลองมาจากฮาร์ปีดั้งเดิมในตำนานเทพเจ้ากรีก) กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมในงานด้านตราประจำตระกูล โดยเฉพาะในฟรีเซียตะวันออก ซึ่งพบเห็นได้ในตราอาร์มของรีตแบร์ก ลิกเตนสไตน์ และเคิร์กเซนา ตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดคืออุปกรณ์ของเมืองนูเรมเบิร์ก ซึ่งใช้ฮาร์ปีตั้งแต่ช่วงปี 1243

ฮาร์ปียังปรากฏในตราสัญลักษณ์ของอังกฤษด้วย แม้ว่ามันจะยังคงเป็นอุปกรณ์เฉพาะของเยอรมันก็ตาม

คำสำคัญ: ฮาร์ปี, เทพปกรณัม, สัตว์ปีก, กรีก, ตำนาน, ความโกรธแค้น, ความหายนะ #ฮาร์ปี #เทพปกรณัม #ตำนาน #สัตว์ปีก #กรีก