เฮคาตันเชเรส | ตำนานเทพเจ้ากรีก

เฮคาตันเชเรส

แหล่งที่มา: Wikipedai

ในตำนานเทพเจ้ากรีก Hecatoncheires (กรีกโบราณ : Ἑκατόγχειρες , โรมัน :  Hekatóncheires , แปลว่า 'ผู้มีมือหนึ่งร้อย') เรียกอีกอย่างว่า ผู้มีมือร้อยมือ หรือ Centimanes ( / ˈsɛntɪmeɪnz / ; ละติน : Centimani) เป็นยักษ์มหึมาสามตน มีขนาดและพละกำลังมหาศาล แต่ละตัวมีหัวห้าสิบหัว และแขนหนึ่งร้อยแขน พวกเขาได้รับชื่อแต่ละตัวว่า Cottus (ผู้โกรธจัด), Briareus (หรือ Aegaeon แพะทะเล) และ Gyges (หรือ Gyes ผู้มีแขนขายาว) ตามประเพณีมาตรฐาน พวกเขาเป็นลูกหลานของยูเรนัส (ท้องฟ้า) และไกอา (โลก) และได้ช่วยเหลือซูสและชาวโอลิมเปียนในการล้มล้างไททันในสงครามไททัน

 

ชื่อ

แก้ไข

เทพสามร้อยแฮนด์เดอร์มีชื่อว่า คอตตัส ไบรอาเรียส และ ไจเจส คอตตัส (Κόττος) เป็นชื่อทั่วไปของชาวธราเซียนและอาจมีความเกี่ยวข้องกับชื่อของเทพีธราเซียนคอตทิส ชื่อไบรอาเรียส ( Βριάρεως ) อาจเกิดจากภาษากรีก βριαρός ที่แปลว่า "แข็งแกร่ง" เทพธีโอโกนีของเฮเซียดยังเรียกเขาว่า "โอไบรอาเรียส" อีกด้วย ชื่อ ไจเจส อาจมีความเกี่ยวข้องกับกษัตริย์แห่งแอตติกในตำนาน ออไจเจส ( Ὠγύγης ) "ไจเจส" แทนที่จะเป็นไจเจส พบในตำราบางเล่ม

นิทานอีเลียดของโฮเมอร์ได้ตั้งชื่อที่สองให้กับบริอารีอุส โดยกล่าวว่าบริอารีอุสคือชื่อที่เหล่าเทพเจ้าเรียกเขา ในขณะที่เอเกออน ( Αἰγαίων ) เป็นชื่อที่มนุษย์เรียกเขา รากศัพท์αἰγ-พบในคำที่เกี่ยวข้องกับทะเล: αἰγιαλός "ชายฝั่ง" αἰγες และ αἰγάδες "คลื่น" ชื่อนี้แสดงถึงความเชื่อมโยงกับทะเลอีเจียน โพไซดอนบางครั้งถูกเรียกว่าเอเกออนหรือเอเกอัส ( Αἰγαῖος ) เอเกออนอาจเป็นชื่อสกุลเช่น "บุตรชายของเอเกอัส" หรืออาจหมายถึง "ชายชาวเอเก" แทน

ชื่อ Hecatoncheires มาจากภาษากรีก ἑκατόν (hekaton แปลว่า "ร้อย") และ χείρ (cheir แปลว่า "มือ" หรือ "แขน") แม้ว่า Theogony จะบรรยายพี่น้องทั้งสามว่ามีมือหนึ่งร้อยมือ ( ἑκατὸν μὲν χεῖρες ) แต่ ชื่อรวม Hecatoncheires ( Ἑκατόγχειρες ) หรือกลุ่มร้อยแฮนด์เดอร์ ไม่เคยถูกใช้เลย Theogony เคยกล่าวถึงพี่น้องทั้ง สามโดยรวมว่า "เทพเจ้าที่ซูสปลุกขึ้นมาจากความมืด" แต่หากไม่กล่าวถึง ก็ใช้ชื่อเฉพาะของพวกเขาเท่านั้น: Cottus, Briareus (หรือ Obriareus) และ Gyges

เลียดไม่ได้ใช้ชื่อ Hecatoncheires เช่นกัน แม้ว่ามันจะใช้คำคุณศัพท์ hekatoncheiros (ἑκατόγχειρος ) หรือ "ร้อยคน" เพื่อบรรยายถึง Briareus ก็ตาม เป็นไปได้ที่ Acusilaus ใช้ชื่อนี้ แต่การใช้ชื่อนี้ครั้งแรกพบในผลงานของนักประวัติศาสตร์ตำนาน เช่น Apollodorus

ตำนาน

แก้ไข

ตระกูลร้อยแฮนด์

แก้ไข

เผ่าร้อยแฮนด์เดอร์ คอตตัส ไบรอาเรียส และไจเจส เป็นยักษ์ยักษ์สามตน มีขนาดใหญ่และแข็งแรงมาก มีหัวห้าสิบหัวและแขนหนึ่งร้อยแขน พวกมันเป็นลูกหลานของยูเรนัส (ท้องฟ้า) และไกอา (โลก) สิบแปดคน ซึ่งรวมถึงไททัน ทั้งสิบสองตน และ ไซคลอปส์ตาเดียวสามตนตามทฤษฎีเทววิทยาของเฮเซียดพวกมันเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของยูเรนัสที่ถือกำเนิด ขณะที่ตามตำนานเทพอพอลโลโดรัสพวกมันเป็นคนแรกในประเพณีเฮเซียด พวกมันมีบทบาทสำคัญในตำนานการสืบราชสันตติวงศ์ของกรีก ซึ่งเล่าว่าไททันโครนัสโค่นล้มยูเรนัสบิดาได้อย่างไร และซูสโค่นล้มโครนัสและไททันคนอื่นๆ ได้อย่างไร และในที่สุด ซูสก็ได้รับการสถาปนาเป็นผู้ปกครองจักรวาลคนสุดท้ายและถาวรได้อย่างไร

ตามตำนานการสืบทอดบัลลังก์รุ่นมาตรฐานที่เล่าขานในบันทึกของเฮเซียดและอพอลโลโดรัส ตระกูลฮันเดรดแฮนด์เดอร์พร้อมด้วยพี่น้องไซคลอปส์ ถูกยูเรนัสผู้เป็นพ่อขังคุก ไกอาชักจูงให้โครนัสตอนยูเรนัส และโครนัสก็เข้ายึดครองอำนาจสูงสุดของจักรวาล โครนัสมีบุตรหลายคนร่วมกับ เรอา ไททันเนส น้องสาวของเขา แต่เขากลืนพวกเขาไปตั้งแต่แรกเกิด อย่างไรก็ตาม ซูส ลูกคนสุดท้องของโครนัส ได้รับการช่วยชีวิตโดยเรอา และซูสได้ปลดปล่อยพี่น้องของเขา และพวกเขา (ชาวโอลิมเปียน ) ร่วมกันเริ่มสงครามครั้งใหญ่ไททันโนมาคี กับไททัน เพื่อควบคุมจักรวาล ไกอาทำนายไว้ว่าด้วยความช่วยเหลือของชาวร้อยแฮนด์เดอร์ ชาวโอลิมเปียนจะได้รับชัยชนะ ดังนั้น ซูสจึงปล่อยพวกเขาจากการถูกจองจำ และชาวร้อยแฮนด์เดอร์ก็ต่อสู้เคียงข้างชาวโอลิมเปียนเพื่อต่อต้านไททัน และมีส่วนสำคัญในการเอาชนะไททัน จากนั้นไททันก็ถูกจองจำในทาร์ทารัส โดยมีชาวร้อยแฮนด์เดอร์เป็นผู้คุ้มกัน

บทกวีมหากาพย์ที่สูญหายไปเรื่องTitanomachy (ดูด้านล่าง) แม้ว่าอาจเขียนขึ้นหลังจากTheogony ของเฮเซียด อาจรักษาประเพณีเก่าแก่ที่ชาวฮันเดรดแฮนด์เดอร์ต่อสู้เคียงข้างไททันแทนที่จะเป็นชาวโอลิมเปีย ตามคำอธิบายที่มีเหตุผล แบบยูเฮเมอริสติกที่เล่าโดย Palaephatus คอตตัสและบริอารีอุสไม่ใช่ยักษ์ร้อยมือ แต่เป็นมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าชาวฮันเดรดแฮนด์เดอร์เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองที่เรียกว่า Hecatoncheiria ("ฮันเดรดอาร์ม") พวกเขามาช่วยเหลือชาวเมืองโอลิมเปีย (หรือชาวโอลิมเปีย) ในการขับไล่ไททันออกจากเมือง

ไบรอาเรียส/เอเกออน

แก้ไข

Briareus ถูกเรียกตัวไปยังโอลิมปัสโดยThetisเพื่อปราบปรามการกบฏต่อZeusโดยPoseidon , AthenaและHeraภาพแกะสลักโดย Tommaso Piroli (1795) ตามภาพวาดของJohn Flaxman

ไบรเอเรียสเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาสามร้อยแฮนด์เดอร์ ในหนังสือ Theogony ของเฮเซียด เขาถูกยกย่องว่าเป็น "คนดี" และได้รับรางวัลจากโพไซดอน ซึ่งมอบไซโมโพเลีย (ไม่ทราบชื่อ) ลูกสาวของตนให้ไบรเอเรียสเป็นภรรยาของเขา

ใน อีเลียดของโฮเมอร์ไบรอาเรียสได้รับชื่อที่สองว่าอีเกออน โดยกล่าวว่าไบรอาเรียสเป็นชื่อที่เหล่าเทพเรียกเขา ส่วนมนุษย์เรียกเขาว่าอีเกออน ใน อีเลียดมีการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เฮร่า โพไซดอน และเอเธน่า ซึ่งเป็นชาวโอลิมปัส ก่อกบฏในวัง โดยต้องการล่ามโซ่ซูส เทพีแห่งท้องทะเลธีทิสจึงได้นำเขามายังโอลิมปัส:

เขาเป็นหนึ่งในร้อยมือ [ ἑκατόγχειρον ] ซึ่งเหล่าเทพเรียกว่า ไบรอารีอุส แต่คนทั้งหมดเรียกว่า เอเกออน เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าพ่อของเขา เขานั่งลงข้างๆ [ซูส] ด้วยความยินดีในสง่าราศีของเขา และเหล่าเทพผู้ได้รับพรก็กลัวเขา และไม่มัดซูสไว้

ชื่อที่สองนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ของโฮเมอร์ ตามคำบอกเล่าของนักปราชญ์เกี่ยวกับอพอลโลเนียสแห่งโรดส์ กวีในตำนานในศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ซินาธอน ดูเหมือนจะรู้จักชื่อทั้งสองของฮันเดรดแฮนด์เดอร์ ชื่อนี้ยังปรากฏในบทกวีไททันโนมาคีที่สูญหายไปอีกด้วย

พันธมิตรไททัน

แก้ไข

ในขณะที่อยู่ในเฮเซียดและโฮเมอร์ ไบรอารีอัสผู้ทรงพลังแห่งร้อยแฮนด์เป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์และได้รับรางวัลของซูส ไททาโนมาคีดูเหมือนจะสะท้อนให้เห็นประเพณีที่แตกต่างกันเห็นได้ชัดว่าตามไททาโนมาคี Aegaeon เป็นบุตรของไกอาและพอนทัส (ทะเล) มากกว่าไกอาและยูเรนัส และต่อสู้เคียงข้างไททัน มากกว่าฝ่ายโอลิมเปียน นักวิชาการด้าน อพอลโลเนียสแห่งโรดส์บอกเราว่าตามที่ซิเนธอนกล่าวไว้ Aegeaon พ่ายแพ้ต่อโพไซดอน อพอลโลเนียสแห่งโรดส์ กล่าวถึง "หลุมฝังศพขนาดใหญ่ของ Aegaeon" ซึ่ง อาร์โกนอตส์เห็นเมื่อ "พวกเขากำลังผ่านไปในระยะสายตาของปากแม่น้ำไรน์ดาคัส ... ไม่ไกลจากฟรีเจีย" นักวิชาการด้านอพอลโลเนียสกล่าวว่าหลุมศพเป็นจุดที่เอเกออนพ่ายแพ้

ในTitanomachy ที่สูญหาย ไป สำหรับกวีละตินอย่างเวอร์จิลและโอวิด ไบรเอเรียสก็เป็นศัตรูของเหล่าทวยเทพมากกว่าจะเป็นพันธมิตร ในบทกวี Aeneid ของเขา เวอร์จิลได้สั่งให้เอเกออนทำสงครามกับเหล่าทวยเทพ "ด้วยโล่ห์ห้าสิบอันและดาบห้าสิบเล่ม" ในบทกวี Fasti ของ โอวิด ไบรเอเรียสอยู่ฝ่ายไททัน ดังที่โอวิดบอกเรา หลังจากที่ไททันถูกโค่นล้ม เห็นได้ชัดว่าเพื่อคืนอำนาจให้กับไททัน ไบรเอเรียสได้สังเวยวัวตัวหนึ่ง ซึ่งทำนายไว้ว่าใครก็ตามที่เผาเครื่องในของมันจะสามารถพิชิตเหล่าทวยเทพได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อไบรเอเรียสกำลังจะเผาเครื่องใน นกก็ฉวยมันไป และได้รับรางวัลเป็นที่อยู่ท่ามกลางดวงดาว

ความเกี่ยวข้องกับทะเล

แก้ไข

ในมหากาพย์Titanomachy ที่สาบสูญ Aegaeon เป็นบุตรชายของ Pontus (ทะเล) และอาศัยอยู่ในทะเล ความสัมพันธ์ของ Briareus/Aegaeon กับทะเลอาจเห็นได้แล้วใน Hesiod และ Homer ในTheogony Briareus ใช้ชีวิตแยกจากพี่น้องของเขากับ Cymopolea (นางไม้แห่งทะเล?) ลูกสาวของ Poseidon เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่าทั้งคู่อาศัยอยู่ที่นั่น ในขณะที่ในIliadเราอาจสันนิษฐานได้ว่า Briareus อาศัยอยู่ในทะเล เนื่องจาก Thetis เทพีแห่งท้องทะเลเป็นผู้พาเขาไปยังโอลิมปัส เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ได้รับการชี้แจงโดย Ion of Chios กวีในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลซึ่งอ้างถึงเรื่องราวของโฮเมอร์เกี่ยวกับการกบฏของชาวโอลิมปัสต่อซูส และกล่าวว่า Aegaeon เป็นบุตรชายของ Thalassa (ทะเล) และ Thetis "เรียกเขามาจากมหาสมุทร" ความเชื่อมโยงกับทะเลยังเห็นได้จากชื่อ Aegaeon ( Αἰγαίων᾽ ) เอง รากศัพท์αἰγ-พบในคำที่เกี่ยวข้องกับทะเล: αἰγιαλός 'ชายฝั่ง' αἰγεςและαἰγάδες 'คลื่น' ในขณะที่โพไซดอนเองก็ถูกเรียกว่า Aegaeon เช่นกัน

นักเขียนในยุคหลังยังทำให้ความ สัมพันธ์ระหว่าง Briareus/Aegaeon กับทะเลชัดเจนขึ้นอีกด้วย ตามที่Aelian กล่าว อริสโตเติลกล่าวว่าเสาแห่ง Heracles (หรือช่องแคบยิบรอลตาร์ ) ก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่าเสาแห่ง Briareus โอวิด บรรยาย Aegaeon ไว้ ในหนังสือMetamorphosesว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล "ที่มีผิวสีเข้ม" "ซึ่งมีแขนที่แข็งแรงสามารถเอาชนะปลาวาฬขนาดใหญ่ได้" ในขณะที่ตามที่ Arrian กล่าวไว้ ทะเลอีเจียนได้รับการกล่าวขานว่าตั้งชื่อตาม Aegaeon ตามที่ Pliny รายงานตาม Archemachus ของ Euboean มนุษย์คนแรกที่แล่นเรือใน "เรือยาว" คือ Aegaeon

โออีโอลิก้า

แก้ไข

ตามคำกล่าวของกวีบทกวีชื่อIbycus ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล เข็มขัดที่เฮราคลีสถูกส่งไปเอาในระหว่างงานครั้งที่ 9 ของเขา (โดยปกติจะกล่าวกันว่าเป็นของฮิปโปลีตา ) นั้นเป็นของโอโอลิกา ลูกสาวของบริอาเรียส

ยูบีอา

แก้ไข

Briareus / Aegaeon มีการเชื่อมต่อโดยเฉพาะกับเกาะ Euboea ของกรีก ตามไวยากรณ์ภาษาละติน Solinus ในศตวรรษที่สาม Briareus ได้รับการบูชาที่ Carystus และ Aegaeon ที่ Chalcis Aegaeonถูกกล่าวขานว่าเป็นชื่อของผู้ปกครองของ Carystus ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า Aigaie ( Αίγαίη ) ตามชื่อเขา ในขณะที่ Briareus ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพ่อของ Euboea ซึ่งเกาะได้รับชื่อตามเขา; Aegeaon อาจเกี่ยวข้องกับชื่อสถานที่ Aegae ที่ Homer กล่าวถึง ( Il. 13.21, Od. 5.381) เป็นบ้านของโพไซดอนและตั้งอยู่ติดกับ Strabo (8.7.4, 9.2.13) ใน Euboea ทางเหนือของ Chalcis เป็นสถานที่ที่โพไซดอนมีวิหาร

โพไซดอน

แก้ไข

ดูเหมือนว่า Briareus/Aegaeon จะมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับPoseidon เช่นกัน ชื่อ Aegaeon มีความเกี่ยวข้องกับ Poseidon ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น โฮเมอร์ได้ระบุตำแหน่งพระราชวังของ Poseidon ไว้ที่ Aegae ^บางครั้ง Poseidon เองก็ถูกเรียกว่า Aegaeon หรือ Aegaeus ( Αἰγαῖος ) และ Aegaeon อาจหมายถึง 'ลูกชายของ Aegaeus' 

โฮเมอร์กล่าวว่าไบรอาเรียส/อีเกออน "มีอำนาจมากกว่าพ่อของเขา" แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าโฮเมอร์กำลังอ้างถึงพ่อ ของใคร บางครั้งมีการสันนิษฐานว่าตรงกันข้ามกับเฮเซียดซึ่งยกย่องยูเรนัสให้เป็นพ่อของไบรอาเรียส คอทตัส และไจเจส พ่อที่กล่าวถึงในที่นี้คือโพไซดอน แม้ว่าการตีความโฮเมอร์นี้จะไม่ชัดเจนที่สุด 

ในTheogonyไบรเอเรียสกลายเป็นลูกเขยของโพไซดอน ในขณะที่โพไซดอน ซึ่งถือว่าเป็นบิดาของไบรเอเรียส/อีเกออนหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องราวที่เล่าเกี่ยวกับฮันเดรดแฮนด์เดอร์ใน "อีเลียด" ทั้งคู่เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีความเชื่อมโยงพิเศษกับยูเบีย ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น โพไซดอนบางครั้งถูกเรียกว่าอีเกออน และเป็นไปได้ว่าอีเกออนเป็นชื่อบูชาเก่าแก่ของโพไซดอน อย่างไรก็ตาม ตามที่ลูอิส ริชาร์ด ฟาร์เนลล์ กล่าวไว้ มีแนวโน้มมากกว่าที่โพไซดอนสืบทอดตำแหน่ง "ยักษ์แห่งท้องทะเลยูเบียที่เก่าแก่กว่า" 

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น นักวิชาการด้าน อพอลโลเนียสแห่งโรดส์บอกเราว่า ตามที่ซินาเอธอนกล่าวไว้ อีเจียนพ่ายแพ้ต่อโพไซดอน เป็นไปได้ว่า บริอารีอุส/อีเจียนเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีอายุมากกว่า (ก่อนยุคกรีก?) ซึ่งในที่สุดก็ถูกโพไซดอนเข้ามาแทนที่

ตาม ตำนาน ของชาวโครินธ์ไบรอาเรียสเป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทระหว่างโพไซดอนและเฮลิออส ( ดวงอาทิตย์) เกี่ยวกับดินแดนบางส่วน โดยตัดสินว่าคอคอดโครินธ์เป็นของโพไซดอน และอะโครโพลิสแห่งโครินธ์ ( อะโครโครินธ์ ) เป็นของเฮลิออส

ถูกฝังไว้ใต้เอตนา ผู้ประดิษฐ์ชุดเกราะ

แก้ไข

กวี Callimachusในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลดูเหมือนจะสับสน Briareus กับยักษ์คนหนึ่งเขาบอกว่าเขาถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาเอตนาในซิซิลีทำให้เขาต้องย้ายจากไหล่ข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหว เช่นเดียวกับ Callimachus ฟิโลสเตรตัสยังทำให้ Aegaeon เป็นสาเหตุแผ่นดินไหวด้วย ตามบันทึกของ Oxyrhynchus “คนแรกที่ใช้เกราะโลหะคือ Briareos ในขณะที่ก่อนหน้านี้มนุษย์ปกป้องร่างกายด้วยหนังสัตว์” เรื่องราวเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับตำนานที่อาจทำให้ Briareus เหมือนกับเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส เฮฟ เฟสตัสเป็นช่างตีเหล็กใต้ดินที่ใช้ไฟจากภูเขาเอตนาเป็นเตาหลอมโลหะ

แหล่งที่มาที่เป็นไปได้

แก้ไข

เดิมที Briareus และ Aegean อาจแยกจากกัน Briareus/Aegaeon อาจเคยเป็นสัตว์ประหลาดทะเลที่มีแขนหลายข้าง ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังที่ควบคุมไม่ได้ของทะเล ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น Briareus/Aegaeon อาจเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในสมัยโบราณ ซึ่งถูกแทนที่ด้วยโพไซดอน เขาอาจเป็นภาพสะท้อนของ ประเพณี ตะวันออกใกล้ ของกรีก ที่ทะเลท้าทายเทพเจ้าแห่งพายุ เช่น ใน ประเพณี Ugaritic ^ของการต่อสู้ระหว่างYammu (ทะเล) และเทพเจ้าแห่งพายุ  Baal

ลูกหลานของไกอา (โลก) และยูเรนัส (ท้องฟ้า) ตามทฤษฎีของเฮเซียด
ไกอา ยูเรนัส โอเชียนัส คริอุส ไอเอเพทัส เรีย มเนโมซินี เทธิส โคอัส ไฮเปอเรียน เธีย ธีมิส ฟีบี้ ครอนัส ไททันส์ บรอนเต้ สเตียรอยด์ อาร์เจส ไซคลอปส์ คอตตัส ไบรอาเรียส ไจเจส เฮคาตันเชเรส

แหล่งข้อมูลหลัก

แก้ไข

ความเชื่อเรื่องเทววิทยา

แก้ไข

ตามทฤษฎีเทววิทยาของ เฮเซียดยูเรนัส(ท้องฟ้า) ผสมพันธุ์กับไกอา (โลก) และให้กำเนิดบุตร 18 คน^[ 73 ] คนแรกคือไททัน 12 ตน ต่อมาคือ ไซคลอปส์ตาเดียว 3 ตนและสุดท้ายคือพี่น้องสัตว์ประหลาด 3 คน คือ คอตตัส ไบรอาเรียส และไจเจส ตามที่ทฤษฎีเทววิทยาอธิบายไว้:

จากนั้นก็มีบุตรชายอีกสามคนจากโลกและท้องฟ้า บุตรทั้งสามคนเป็นบุตรที่แข็งแรงและยิ่งใหญ่ ชื่อว่าคอตตัส บริอารีอัส และไจเจส บุตรทั้งสามนี้เป็นคนอวดดี แขนทั้งร้อยแผ่ขยายออกมาจากไหล่ของทั้งสอง ซึ่งไม่สามารถเอื้อมถึงได้ และบนแขนใหญ่โตของทั้งสอง มีศีรษะงอกออกมาจากไหล่ของแต่ละคนถึงห้าสิบหัว และพละกำลังอันยิ่งใหญ่ในร่างอันใหญ่โตของทั้งสองนั้นมหาศาลมาก

ยูเรนัสเกลียดลูกๆ ของเขา รวมถึงชาวฮันเดรดแฮนด์เดอร์ด้วย และทันทีที่แต่ละคนเกิดมา เขาก็ขังพวกเขาไว้ใต้ดิน ที่ไหนสักแห่งลึกเข้าไปในไกอา ตามที่Theogonyอธิบายไว้ ยูเรนัสได้ผูกมัดชาวฮันเดรดแฮนด์เดอร์ไว้

...ด้วยความเคียดแค้นในความเป็นชายที่ท้าทายและรูปร่างและขนาดของพวกเขา เขาจึงให้พวกเขาอาศัยอยู่ใต้พื้นดินที่กว้างขวาง พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่น ใต้พื้นดินด้วยความเจ็บปวด นั่งอยู่ที่ขอบ สุดขอบแผ่นดินใหญ่ ทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็นเวลานาน โดยมีความเศร้าโศกในใจมาก

ในที่สุดลูกชายของยูเรนัส ไททันโครนัสก็ทำการตอนยูเรนัส ทำให้ไททันคนอื่นๆ ของเขาเป็นอิสระ (แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกร้อยแฮนด์เดอร์) และโครนัสก็กลายเป็นผู้ปกครองจักรวาลคนใหม่ โครนัสแต่งงานกับรีอา น้องสาวของเขา และพวกเขาก็มีลูกด้วยกันห้าคน ซึ่งโครนัสกลืนลงไปเมื่อแต่ละคนเกิดมา แต่ลูกคนที่หก ซูส ได้รับการช่วยชีวิตโดยรีอา และซ่อนไว้ให้ไกอา ย่าของเขาเลี้ยงดู เมื่อซูสเติบโตขึ้น เขาสั่งให้โครนัสคายลูกๆ ของเขาออกมา และสงครามครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น นั่นก็คือไททันโนมาคี ระหว่างซูสกับพี่น้องของเขา และโครนัสกับไททัน เพื่อแย่งชิงการควบคุมจักรวาล

ไกอาได้ทำนายไว้ว่าซุสจะได้รับชัยชนะด้วยความช่วยเหลือของชาวร้อยแฮนด์เดอร์ ดังนั้นซุสจึงปลดปล่อยชาวร้อยแฮนด์เดอร์จากการเป็นทาสใต้ดิน และพาพวกเขาขึ้นมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง ซุสฟื้นคืนพละกำลังของพวกเขาโดยป้อนน้ำอมฤตและแอมโบรเซีย ให้พวกเขา จากนั้นจึงขอให้ชาวร้อยแฮนด์เดอร์ "แสดงพละกำลังอันยิ่งใหญ่และมือที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของคุณ" และเข้าร่วมในสงครามกับไททัน 

และคอตตัสซึ่งพูดแทนชาวร้อยแฮนด์เดอร์ก็เห็นด้วยโดยกล่าวว่า:

... ด้วยแผนการอันชาญฉลาดของท่าน เราจึงสามารถกลับมาจากความมืดมนและพันธนาการอันไม่อาจคลายได้อีกครั้ง ท่านลอร์ด ลูกชายของโครนัส เราไม่หวังว่าจะได้พบเจอสิ่งนี้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ด้วยความคิดอันแรงกล้าและจิตวิญญาณอันกระตือรือร้น เราจึงจะกอบกู้อำนาจสูงสุดของท่านในการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัว โดยต่อสู้กับไททันในการต่อสู้อันยิ่งใหญ่

และแล้วชาวร้อยแฮนด์ก็ "ตั้งรับตำแหน่งต่อต้านไททัน ... โดยถือหินก้อนใหญ่ไว้ในมืออันใหญ่โต" และการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เกิดขึ้น ซูสก้าวออกจากโอลิมปัสและปล่อยสายฟ้าฟาดใส่ไททันจนตะลึงและตาพร่า ขณะที่ชาวร้อยแฮนด์ก็ขว้างหินก้อนใหญ่ใส่พวกเขา:

... ในหมู่ผู้บุกเบิก Cottus, Briareus และ Gyges ผู้ไม่รู้จักพอในสงคราม ได้ปลุกปั่นการต่อสู้ที่ดุเดือด พวกเขาขว้างก้อนหินสามร้อยก้อนจากมืออันใหญ่โตของพวกเขาทีละก้อน และบดบังไททันด้วยขีปนาวุธของพวกเขา พวกเขาส่งพวกเขาลงไปใต้ดินที่มีทางเดินกว้าง และล่ามโซ่พวกเขาด้วยโซ่ตรวนที่น่าหวาดหวั่นหลังจากที่พวกเขาได้รับชัยชนะเหนือพวกเขาด้วยมือของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีจิตวิญญาณสูงส่งก็ตาม ลึกลงไปใต้พื้นดินเท่ากับท้องฟ้าเหนือพื้นดิน

ในที่สุดไททันก็พ่ายแพ้และถูกโยนลงในทาร์ทารัสซึ่งพวกเขาถูกจองจำอยู่ที่นั่น 

ในส่วนของชะตากรรมของเหล่าร้อยแฮนด์เดอร์ เทพเทววิทยาได้บอกเราในตอนแรกว่าพวกเขากลับไปยังทาร์ทารัสเพื่อไปอาศัยอยู่ใกล้ "ประตูทองสัมฤทธิ์" ของคุกไททัน ซึ่งสันนิษฐานว่าพวกเขารับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ไททัน อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาในบทกวีนี้ เราได้รับการบอกกล่าวว่าคอตตัสและไจเจส "อาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนรากฐานของมหาสมุทร" ในขณะที่ไบรเอเรียส "เนื่องจากเขาเป็นคนดี" จึงกลายเป็นลูกเขยของโพไซดอนซึ่งมอบ " ไซโมโพลีอาลูกสาวของเขาให้แต่งงานด้วย" ให้กับเขา

อิเลียด

แก้ไข

ในเรื่องราวที่ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้อีเลียดกล่าวถึงไบรอาเรียสสั้นๆ (ซึ่งกล่าวกันว่าเขาถูกเรียกว่าอีเกออนด้วย) หมายถึงการที่เขาถูกเรียกตัวไปช่วยซูสเมื่อ "ชาวโอลิมเปียนคนอื่นๆ ปรารถนาจะจับ [ซูส] ขังไว้ แม้แต่เฮร่า โพไซดอน และพัลลาส เอเธน่า" ^[ 90 ] ขณะที่ อคิลลิส ขอให้เทพีแห่งท้องทะเล ธีทิสผู้เป็นแม่ของเขาเป็นตัวกลางกับซูสในนามของเขา อคิลลิสเตือนเธอถึงการโอ้อวดของเธอบ่อยครั้งว่า เมื่อชาวโอลิมเปียนคนอื่นๆ ปรารถนาจะมัดซูส เธอกลับช่วยเขาไว้โดยนำไบรอาเรียสร้อยมือไปที่โอลิมปัส:

แต่ท่านมา เทพธิดา และปลดปล่อย [ซุส] จากพันธนาการของเขา เมื่อท่านเรียกเขาไปยังโอลิมปัสบนสวรรค์อย่างรวดเร็วด้วยจำนวนมือร้อยมือ ซึ่งเหล่าเทพเรียกว่าบริอารีอุส แต่มนุษย์ทั้งหมดเรียกว่าเอเกออน เพราะเขามีอำนาจเหนือกว่าบิดาของเขา เขานั่งลงข้างลูกชายของโครนอส ชื่นชมยินดีในความรุ่งโรจน์ของเขา และเหล่าเทพผู้ได้รับพรก็กลัวเขา และไม่ผูกมัดซุส^[ 91 ]

ไม่ชัดเจนว่าโฮเมอร์หมายถึงใครในฐานะพ่อของไบรอาเรียส/เอเกออนในที่นี้^[ 92 ]

ไททันมาคี

แก้ไข

บทกวีที่สูญหายไปเรื่องTitanomachyซึ่งอิงจากชื่อเรื่อง จะต้องเล่าถึงเรื่องราวสงครามระหว่างชาวโอลิมเปียนและไททัน^[ 93 ]แม้ว่าอาจเขียนขึ้นหลังจาก Theogony ของเฮเซียด^{[ 94 ] อาจสะท้อนเรื่องราวในเวอร์ชันเก่ากว่า [ 95} ] ^มีเพียง^การอ้างอิง^{ถึงบทกวี}นี้จากแหล่งข้อมูลโบราณเท่านั้นที่ยังคงอยู่ โดยมักจะระบุว่าบทกวีนี้เป็นของEumelusกวีกึ่งตำนานจากเมืองโครินธ์มีคนหนึ่งกล่าวถึง Aegaeon ซึ่งเป็นชื่อที่ระบุว่าเป็นของ Briareus ร้อยแฮนด์เดอร์ในอีเลียดตาม คำบอกเล่า ของ Scholionเกี่ยวกับArgonauticaของApollonius แห่งโรดส์ :

Eumelus ในTitanomachyกล่าวว่า Aigaion เป็นบุตรของ Earth และSeaอาศัยอยู่ในทะเล และต่อสู้เคียงข้าง Titans ^[ 96 ]

ดังนั้น Titanomachyจึงดูเหมือนจะปฏิบัติตามประเพณีที่แตกต่างจากบันทึกที่คุ้นเคยมากกว่าในTheogonyในที่นี้ Briareus/Aegaeon เป็นบุตรของโลก (Gaia) และทะเล ( Pontus ) มากกว่าโลกและท้องฟ้า (Uranus) และเขาต่อสู้กับชาวโอลิมเปียนแทนที่จะต่อสู้เพื่อพวกเขา^[ 97 ]

ไอออนแห่งเกาะไคออส

แก้ไข

ตามคำบอกเล่าของสโคลเลียนเกี่ยวกับอพอลโลเนียสแห่งโรดส์ที่กล่าวถึงข้างต้น กวี ไอออนแห่งคิออสในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลกล่าวว่าอีเจียน (ผู้ที่ธีติสเรียกมาในอีเลียดเพื่อช่วยเหลือซูส) ^[ 98 ]อาศัยอยู่ในทะเลและเป็นบุตรของทาลัสซา^[ 99 ]

เวอร์จิล

แก้ไข

เวอร์จิลกวีชาวละตินในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลอาจหยิบยกเรื่องราวในAeneid ของเขามาอ้างอิงในเวอร์ชันเดียวกันกับที่ปรากฏใน Titanomachy ที่สูญหาย ไป เวอร์จิลได้ระบุตำแหน่งของ Briareus เช่นเดียวกับใน Hesiod ในโลกใต้ดินที่ซึ่ง Hundred-Hander อาศัยอยู่ท่ามกลาง "สัตว์มหัศจรรย์ที่แปลกประหลาด" ซึ่งได้แก่เซนทอร์สกิลลาไฮดราแห่งเลอร์เนียคิเมร่ากอร์กอนฮาร์ปี้และเจอริออน^[ 100 ]

ต่อมาเวอร์จิลได้บรรยายถึง Aegaeon "ร้อยคน" ( Briareus แห่ง Iliad ):

เฉกเช่นเอเกออนผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งมีอาวุธร้อยแขน
ผู้มีอาวุธร้อยมือซึ่งปากและหน้าอกของเขา
ปล่อยพลังเพลิงออกมาห้าสิบครั้ง ขณะที่เขาทำสงคราม กับสายฟ้า ของเทพจูปิเตอร์
ด้วยโล่ห้าสิบอันและดาบห้าสิบเล่ม^[ 101 ]

ที่นี่ เวอร์จิลกล่าวถึงฮันเดรดแฮนด์เดอร์ว่าได้ต่อสู้เคียงข้างไททันมากกว่าฝ่ายโอลิมเปียน เหมือนในไททันโอมาคี [ ^{102 ] พร้อม}ด้วยรายละเอียดบรรยายเพิ่มเติมของปากและเต้านมที่พ่นไฟได้ห้าสิบอัน และดาบและโล่ห้าสิบชุด ซึ่งอาจมาจากบทกวีที่สูญหายไปนั้นด้วยเช่นกัน^[ 103 ]

โอวิด

แก้ไข

กวีละตินในช่วงปลายศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลโอวิดอ้างอิงถึงไบรเอเรียสและไจเจสชาวฮันเดรดแฮนด์หลายครั้งในบทกวีของเขา ไบรเอเรียสปรากฏตัวในเรื่องราวที่โอวิดเล่าในFasti ของเขา เกี่ยวกับ "ดวงดาวแห่งว่าว" (สันนิษฐานว่าเป็นดวงดาวหรือกลุ่มดาวที่ตั้งชื่อตามนก) ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์^[ 104 ]ตามที่โอวิดกล่าว มีลูกหลานที่ชั่วร้ายของ "แม่ธรณี" ส่วนหนึ่งเป็นวัว ส่วนหนึ่งเป็นงูซึ่งทำนายไว้ว่าใครก็ตามที่เผาเครื่องในของมันจะสามารถพิชิตเทพเจ้าได้ สติกซ์ ได้รับคำเตือนจาก โชคชะตา ทั้งสาม จึงขังวัวไว้ใน "ป่ามืดมิด" ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสามด้าน หลังจากที่ไททันถูกโค่นล้ม ไบรเอเรียส (ซึ่งโอวิดดูเหมือนจะมองว่าเป็นไททันหรือพันธมิตรของไททัน) ^[ 105 ] "สังเวย" วัวด้วยขวานอะดาแมนไทน์ แต่เมื่อเขากำลังจะเผาเครื่องใน นกก็คว้าเครื่องในไป โดยคำสั่งของ จูปิเตอร์ (ซุส) และได้รับรางวัลเป็นบ้านท่ามกลางดวงดาว ใน Metamorphosesโอวิดบรรยายถึง Aegaeon ( Briareus แห่ง อีเลียด ) ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มี "ผิวสีเข้ม" "ที่มีแขนอันแข็งแกร่งสามารถเอาชนะปลาวาฬขนาดใหญ่ได้" ^[ 106 ]ในบทกวีทั้งสองบทนี้ โอวิดดูเหมือนจะทำตามประเพณีเดียวกันกับในTitanomachy ที่สูญหายไป ซึ่ง Aegaeon เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลบุตรของPontusและเป็นพันธมิตรกับไททัน^[ 107 ]

โอวิดกล่าวถึง "Gyas แห่งร้อยมือ" ในAmores ของเขา เมื่อ "โลกพยายามแก้แค้นอย่างชั่วร้าย และOssa ที่สูงชัน พร้อมแท่นPelionอยู่บนหลัง ถูกกองทับบนโอลิมปัส" ^[ 108 ]ในFasti ของเขา โอวิดได้ให้Ceres ( Demeter ) บ่นเกี่ยวกับการลักพาตัวลูกสาวของเธอพูดว่า: "ฉันจะประสบอะไรเลวร้ายยิ่งกว่านี้ได้อีกหาก Gyges ได้รับชัยชนะและฉันถูกกักขัง" ^[ 109 ]ในบทกวีทั้งสองนี้ โอวิดดูเหมือนจะสับสนระหว่างร้อยมือกับยักษ์( ลูกหลานที่น่าขนลุกของ Gaia อีกชุดหนึ่ง ) ที่พยายามบุกโอลิมปัสใน Gigantomachy [ ^{110 ] โอ}วิดอาจสับสนระหว่างร้อยมือกับยักษ์ในMetamorphoses ของเขา ซึ่งเขาอ้างถึงยักษ์ที่พยายาม "ตรึงแขนร้อยมือของพวกเขาไว้บนสวรรค์ที่ถูกกักขัง" ^[ 111 ] โอวิดยังอ้างถึง "Gyes ร้อยมือ" ในTristia ของเขา ด้วย^[ 112 ]

อพอลโลโดรัส

แก้ไข

นักปราชญ์ด้านตำนานเทพ อพอลโลโดรัสได้บันทึกเรื่องราวของเผ่าร้อยแฮนด์เดอร์ไว้ในลักษณะเดียวกับที่บันทึกของเฮเซียด แต่มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ^[ 113 ]ตามบันทึกของอพอลโลโดรัส พวกเขาเป็นลูกหลานคนแรกของยูเรนัสและไกอา (ไม่เหมือนกับเฮเซียดที่ทำให้ไททันเป็นเผ่าที่อาวุโสที่สุด) ตามมาด้วยไซคลอปส์และไททัน^[ 114 ]

อพอลโลโดรัสบรรยายถึงเผ่าร้อยแฮนด์ว่า "มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ โดยแต่ละตัวมีมือร้อยมือและหัวห้าสิบหัว" ^[ 115 ]

ยูเรนัสได้ผูกมัดพี่น้องร้อยแฮนด์และไซคลอปส์ไว้ และโยนพวกเขาทั้งหมดลงในทาร์ทารัส "สถานที่อันมืดมิดในฮาเดสซึ่งอยู่ไกลจากโลกมากเท่ากับที่โลกอยู่ไกลจากท้องฟ้า" แต่ดูเหมือนว่าไททันจะได้รับอนุญาตให้เป็นอิสระ (ไม่เหมือนในเฮเซียด) ^[ 116 ]เมื่อไททันโค่นล้มยูเรนัส พวกเขาก็ปล่อยพี่น้องร้อยแฮนด์และไซคลอปส์ (ไม่เหมือนในเฮเซียดที่พวกเขายังคงถูกจองจำอยู่) และแต่งตั้งโครนัสเป็นผู้ปกครอง^[ 117 ]แต่โครนัสได้ผูกมัดพี่น้องทั้งหกอีกครั้ง และจองจำพวกเขาไว้ในทาร์ทารัส^[ 118 ]

ตามบันทึกของเฮเซียด ครอนัสกลืนลูกๆ ของเขาเข้าไป แต่ซูสซึ่งได้รับการช่วยชีวิตโดยรีอา ได้ปลดปล่อยพี่น้องของเขา และร่วมกันทำสงครามกับไททัน^[ 119 ]ตามบันทึกของอพอลโลโดรัส ในปีที่สิบของสงคราม ซูสได้เรียนรู้จากไกอาว่าหากต้องการชนะ พระองค์ต้องอาศัยทั้งกองร้อยแฮนด์เดอร์และกองไซคลอปส์ ซูสจึงสังหารแคมป์ ผู้พิทักษ์ของพวกเขา และปล่อยพวกเขาไป:

พวกเขาต่อสู้กันมาเป็นเวลาสิบปี และโลกได้ทำนายว่าซุสจะได้รับชัยชนะหากเขาสามารถเป็นพันธมิตรกับผู้ที่ถูกเหวี่ยงไปยังทาร์ทารัสได้ ดังนั้นเขาจึงสังหารแคมเป้ ผู้คุมคุกของพวกเขา และปลดพันธนาการของพวกเขา และ... เหล่าเทพเจ้าได้เอาชนะไททัน ขังพวกเขาไว้ในทาร์ทารัส และแต่งตั้งให้เหล่าร้อยแฮนด์เป็นผู้พิทักษ์^[ 120 ]

คนอื่น

แก้ไข

นักปรัชญา เพลโตในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ได้กล่าวถึงความสำคัญของการฝึกทหารโดยใช้มือทั้งหมด (ซึ่งปกติแล้วใช้สองมือ) ในบทสนทนา เรื่องLawsว่า "หากบุคคลใดมีพรสวรรค์ในรูปของไบรอาเรียสซึ่งมีมือร้อยมือ เขาก็ควรฝึกด้วยมือร้อยมือเช่นกัน" ^[ 121 ]

กวีชาวละตินในคริสตศตวรรษที่ 1 นามว่าโฮเรซกล่าวถึง ไจเจส ผู้เป็น "ร้อยมือ" ถึงสองครั้ง ในบทกวีหนึ่ง ไจเจสและ "คิเมราผู้ดุร้าย" ถูกใช้เป็นตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว^[ 122 ]ในบทกวีอีกบทหนึ่ง ไจเจสถูกใช้เป็นตัวอย่างของ "พลัง" ที่เทพเจ้า "เกลียดชัง เพราะคิดชั่วร้ายทุกประเภทไว้ในใจ" ^[ 123 ]

ตามคำบอกเล่าของPausaniasนัก ภูมิศาสตร์ในศตวรรษที่ 2 ตำนาน ของชาวโครินธ์กล่าวว่า Briareus เป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทระหว่างโพไซดอนและHelios (ดวงอาทิตย์) เกี่ยวกับดินแดนบางส่วน Briareus ตัดสินว่า คอคอดโครินธ์ เป็นของโพไซดอน และอะโครโพลิสแห่งโครินธ์ ( Acrocorinth ) เป็นของ Helios ^[ 124 ]

Servius ผู้วิจารณ์ เวอร์จิลในช่วงปลายศตวรรษที่ 4 และต้นศตวรรษที่ 5 ดูเหมือนจะรู้จัก Titanomachy สองเวอร์ชันเช่นกัน เวอร์ชันหนึ่งกล่าวถึงการต่อสู้ของเหล่าฮันเดรดแฮนด์เดอร์เคียงข้างชาวโอลิมเปียน เช่นเดียวกับใน ^Hesiodและอีกเวอร์ชันหนึ่งกล่าวถึงการต่อสู้เคียงข้างไททัน เช่นเดียวกับใน Titanomachy ที่สูญหายไป^[ 125 ]

กวีชาวกรีกในคริสต์ศตวรรษที่ 5 นอนนัสกล่าวถึงไบรอารีอุสด้วย "มือที่พร้อม" และเอกาออนว่าเป็น "ผู้ปกป้องกฎหมายของ [ซูส]" ในหนังสือDionysiaca ^[ 126 ]

ในวรรณคดี

แก้ไข

Briareus ถูกกล่าวถึงสองครั้งในDivine ComedyของDante Alighieri (สร้างเสร็จในปี 1320) ครั้งแรกเขาถูกพบเป็นยักษ์ที่อาศัยอยู่ในวงกลมที่เก้าของนรก^[ 127 ]และอีกครั้งในฐานะตัวอย่างของความภาคภูมิใจที่แกะสลักไว้บนทางเท้าของลานแรกของนรก^[ 128 ]นอกจากนี้เขายังถูกกล่าวถึงในบทที่ 8 ของDon QuixoteโดยแขนของเขาถูกเปรียบเทียบกับใบพัดหมุนของกังหันลมMiguel de CervantesอาจนึกถึงFall of Giantsของ Virgil, Dante และGiulio Romano